Wednesday, November 5, 2008

เร่งนม ลดหุ่น สาวพันปี สารกระตุ้นสวย...ทำได้จริง?

ในยุคสมัยนี้เรือนร่างที่ผอมเพรียว เต่งตึง คัพ ซี กำลังได้รับความนิยมจากทั้งบรรดาสาวเล็ก สาวใหญ่ และสาวไม่จริง จนทำให้สะเทือนถึงผู้ที่ไม่พอใจในรูปร่างของตนเอง ต่างพากันตบเท้าพึ่งสารกระตุ้นสวยกันเป็นแถว ด้วยความเชื่อที่ว่าเป็นเส้นทางลัดไปสู่หุ่นที่ใฝ่ฝันไว้...นพ.วินัย วนานุกุล ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี อธิบายถึงยาลดความอ้วนให้ฟังว่า ยาที่นำมาใช้ลดความอ้วนเป็นยา 2 ประเภท กลุ่มแรกเป็น อนุพันธ์ ของกลุ่มยาแอมเฟตามีน ที่รู้จักกันในนามของยาบ้า คำว่าอนุพันธ์ แสดงว่าไม่ใช่แอมเฟตามีน โดยตรง คือ มีโครงสร้างหลักเป็นแอมเฟตามีน แต่มีส่วนประกอบของโครงสร้างอย่างอื่นเพิ่มขึ้นโดยยาในกลุ่มนี้มีฤทธิ์ทำให้มีอาการเบื่ออาหาร ซึ่งมีใช้กันอยู่ในปัจจุบันอีกประเภทหนึ่ง คือ Xenical มีใช้กันอยู่แต่น้อยกว่ากลุ่มแรกมาก เป็นยาลดการดูดซึมของไขมันในลำไส้ ไม่ให้ลำไส้ดูดซึมไขมันเข้าสู่ร่างกาย เป็นการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่หน้าที่ย่อยไขมัน ทำให้เวลาถ่ายออกมาจะเป็นไขมันเหลว ๆ แม้เพียงผายลมอาจมีของเหลวไหลออกมาได้ด้วย ยากลุ่มนี้จึงใช้ในทางการแพทย์มากกว่าและมีราคาค่อนข้างสูงโดยทั่วไปจึงเป็นยากลุ่มแรกที่ใช้กัน ซึ่งมี สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ควบคุมอยู่ ไม่ใช่ว่าหาซื้อได้ โดยทั่วไปตามท้องตลาดมีกฎหมายควบคุม นอกจากนี้ทางร้านขายยาหรือคลินิกบางแห่งยังใช้ยาชนิดอื่นร่วมด้วย อาทิ ยาขับปัสสาวะ คือ ให้มีการปัส สาวะออกมาให้มาก ซึ่งดูเหมือนน้ำหนักลง แต่ในความจริงเป็นปัสสาวะที่ขับทิ้ง เป็นการเสียน้ำ ไม่ใช่การนำส่วนเกินของร่างกายออกแต่ อย่างใด รวมทั้งยาระบายด้วยในบางแห่งใช้ยาที่ เรียกว่า ไทรอยด์ฮอร์โมน ร่วมเข้าไปด้วย ซึ่งยากลุ่มนี้มักใช้ในผู้ที่เป็นโรค ไทรอยด์ฮอร์โมน ซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมการเผาผลาญ เมื่อนำมาใช้กับคนปกติจะไปมีผลเร่งการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ให้มากขึ้นกว่าปกติ “สารในกลุ่มแรก จะมีคุณสมบัติคล้ายกันโดยจะกระตุ้นร่างกายให้กระฉับกระเฉงขึ้น มีแรง หัวใจต้องทำงานตลอดเวลาเพราะร่างกายต้อง ทำงานเหมือนคนทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา เมื่อพัฒนากลายเป็นยาที่ช่วยลดความอ้วนจะทำให้เบื่ออาหาร โดยหลักใหญ่ คือ ต้องการให้มีฤทธิ์ในการเบื่ออาหารมาก ๆ แต่ว่ายากลุ่มนี้ยังไม่สามารถทิ้งฤทธิ์ของการที่กระตุ้นร่างกายให้ทำงานมาก ๆ ได้ ตรงนี้เป็นส่วนช่วยอีกทางหนึ่งในการเผาผลาญพลังงาน จึงนิยมนำมาใช้ลดน้ำหนักกัน”
ปกติแพทย์จะนำยาทั้ง 2 กลุ่มมาใช้นั้น จะต้องมีข้อบ่งชี้ในการใช้ที่ชัดเจน หลักการง่าย ๆ คือ จะต้องเป็นโรคอ้วนซึ่งก่อ ให้เกิดอันตรายกับชีวิตได้ เช่น อ้วนมากจนทำให้เป็นโรคนอนกรน มีการหยุดหายใจเป็นพัก ๆ หรืออ้วนมากจนเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ รวมทั้งส่งผลต่อกระดูก เรื่องของเข่าเสื่อม ซึ่งข้อบ่งชี้สามารถคำนวณได้จากมวลกายที่เกินกำหนด เมื่อการรักษาด้วยการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายยังไม่ได้ผลถึงจะมีการจ่ายยากลุ่มนี้ให้กับคนไข้
“ปัญหาอยู่ที่ว่า แนวโน้มของสังคมไทยกับสังคมโลกต้องการผู้ที่มีรูปร่างดี มุ่งเน้นไปที่กลุ่มคนผอม ทำให้ถึงแม้จะมีมวลกายบ่งชี้ว่าปกติ แต่ก็ยังไม่พอใจกับรูปร่างจึงมีการลดน้ำหนักลงให้ผอมลงไปอีก จึงเป็นแนวโน้มของสังคมที่ทำให้เกิดปัญหาการใช้ยาลดความอ้วนมากเกินความจำเป็นหรือมากเกินไปในสังคมปรากฏการณ์ที่เห็นจึงพบว่า เมื่อกินยาลดความอ้วนแล้วผอมลงได้จริงอย่างเร็ว แต่หลังจากที่หยุดกินยากลับมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นตามเดิม จึงทำให้คนกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะใช้ยาต่อเนื่องมากขึ้น ทางการแพทย์จึงไม่แนะนำ” สิ่งที่เกิดขึ้นจากการใช้ยากลุ่มนี้ในระยะยาวเป็นปี ๆ มีรายงานพบว่า ยากลุ่มนี้ทำให้เกิดภาวะลิ้นหัวใจรั่ว ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ยาลดความอ้วนในกลุ่มนี้หลายชนิดต้องเลิกจำหน่ายไปการใช้ที่ถูกต้อง คือ ต้องมีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าควรจะใช้ และไม่ใช้แค่กินอย่างเดียวแต่ต้องมีการควบคุมอาหารและออกกำลังกายร่วมด้วย การพึ่งยาเพียงอย่าง เดียวจะเกิดปัญหาขึ้นในระยะ ยาวได้ คือ เมื่อหยุดยาน้ำหนักตัวก็กลับมา จึงจำเป็นต้องกลับไป ใช้ยานั้นอีก เมื่อใช้ยาในระยะนาน ๆ นั้นหมายถึงการมีโอกาสที่จะเกิดโรคตามมาได้ด้วย “โดยทั่วไปคลินิกหรือโรงพยาบาล จะจ่ายยาให้กลุ่มผู้อยู่ในภาวะอ้วนอันตรายเท่านั้น ส่วนใบปลิวที่ติดตามห้องน้ำในแหล่งชุมชนนั้น มีทั้งกลุ่มที่มีใบอนุญาตและไม่มี ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ ต้องรอบคอบก่อนตัดสินใจ”สำหรับสารเพิ่มฮอร์โมน โดยทั่วไป คือ ฮอร์โมนเพศหญิง หรือจำพวกพืชที่มีสารเอสโตรเจน อยู่ เช่น กวาวเครือ ซึ่งสารชนิดนี้มีอยู่ในยาคุมกำเนิดด้วย เมื่อ ใช้แล้วจะส่งผลให้หน้าอกและตะโพกขยายขึ้นจริงแต่ต้องใช้เวลานานเป็นปี ๆ ถึงจะเห็นผล เพราะการเปลี่ยนแปลงทางสรีระไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยในทันทีและเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นสำหรับผู้หญิงโดยปกติเอสโตรเจนมีไว้สำหรับคนที่ขาดเอสโตรเจน อย่างผู้หญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน หรือที่เรียกกันว่าวัยทอง ซึ่งมีอาการหงุดหงิดผิดปกติ เพื่อช่วยให้ดีขึ้น รวมทั้งผู้หญิงที่เป็นโรคกระดูกพรุน อาจจะมีบางรายที่ต้องใช้สารตัวนี้ จะไม่มีการใช้ติดต่อกันยาวนานเป็นปี ๆ จะใช้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น ถ้ายังไม่หายจะมีการใช้ยาชนิดอื่นทดแทนจากการศึกษาพบว่า การใช้เอสโตรเจนมีความสัมพันธ์ กับการเกิดมะเร็งเต้านม และ มะเร็งมดลูก รวมทั้ง มีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในหลอดเลือดดำ ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดหลอดเลือดตีบได้ ฉะนั้นผู้หญิงที่ใช้ยากลุ่มเอสโตร เจนจึงต้องรู้ว่า มีความเสี่ยงในการเกิดโรคเหล่านี้ได้ด้วย ในส่วนของกลุ่มยาที่ทำให้ผิวพรรณมีน้ำมีนวล เต่งตึง เป็นสาวพันปี จะเป็นกลุ่มที่ไม่ใช่ยาแต่เป็นอาหารเสริม เพราะยาหรือ สารใดที่จะอยู่ในกลุ่มยาการขึ้นทะเบียนได้ จะต้องมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชัดเจน ว่ามีประสิทธิภาพยืนยันถึงผลการรักษาโรคและปลอดภัย แต่อาหารเสริมจะไม่มีข้อมูลทางวิชาการในส่วนนี้ ทำให้ส่วนประกอบของอาหารเสริมจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เช่น สารอนุมูลอิสระทำให้แก่ก็จะมีอาหารเสริมรูปแบบต่าง ๆ ออกมาต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งทุกวันนี้ยังไม่มียาชนิดใดที่พิสูจน์ทางการแพทย์แล้วพบว่า ใช้ยาชนิดนี้แล้วไม่แก่ ช่วยในการลบริ้วรอย โดยส่วนใหญ่จะทำได้แค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น หรือช่วงเวลาที่ใช้เท่านั้น ถ้าไม่ใช้ก็จะกลับมาเหมือนเดิม“ยังคงเชื่อว่า สังขารของคนเรานั้นไม่เที่ยง อาจจะชะลอได้บ้างแต่จะฝืนสังขารไม่ได้ เราพยายามจะเอาชนะธรรมชาติมากมายแต่ยังไม่มีสิ่งใดที่ฝืนธรรมชาติได้สำเร็จ ซึ่งนั่นก็รวมถึงร่างกายของเราด้วย แต่ไม่ใช่ว่า ให้ละเลยการดูแลร่างกาย สังขารของเราเอง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าการดูแลร่างกายให้แข็งแรง ไม่มีโรคภัยเบียดเบียนนั้น คือ การกินอาหารที่มีประโยชน์อย่างพอดี หลีกเลี่ยง สุรา บุหรี่ ยาเสพติด และหมั่นออกกำลังกาย ในส่วนผู้ที่อยากใช้ คงต้องใช้อย่างระมัดระวัง ถ้าใช้ในระยะยาวนานควรอยู่ในการดูแลของแพทย์” นพ.วินัย กล่าวอย่างห่วงใยทั้งหมดนี้เกิดจากค่านิยมที่เน้นเรื่องของร่างกายมากเกินไปโดยไม่คิดย้อนมองไปที่จิตใจ ลองตั้งคำถามให้ตนเองว่าทำไมต้องเป็นคนหุ่นดี ทำไมต้องเป็นสาวสองพันปี ถ้ามีคำตอบให้กับคำถาม แสดงว่ากำลังหลงอยู่กับภาพลักษณ์มากกว่าที่จะสนใจในแก่นแท้ของชีวิต ทั้งที่ในความเป็นจริงทุกอย่างย่อมมีการเสื่อมคงจะตรงกับสุภาษิตสอนใจ ที่ว่า “ความสวยไม่คงที่ ความดีสิคงทน”.
การคำนวณมวลกายทำได้โดย การเอาน้ำหนักมีหน่วยเป็นกิโลกรัมหารด้วยส่วนสูงที่มีหน่วยเมตรยกกำลังสอง จะได้มวลกายออกมาผอมเกินไป จะมีค่า น้อยกว่า 18.5 ( 18.5) เหมาะสม จะอยู่ที่ มากกว่าหรือเท่ากับ 18.5 แต่น้อยกว่า 25 ( 18.5 แต่ 25) น้ำหนักเกิน นั้นจะมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 25 แต่น้อยกว่า 30 ( 25 แต่ 30) อยู่ในภาวะอ้วน จะมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 30 แต่น้อยกว่า 40 ( 30 แต่ 40) สำหรับในส่วนที่ อันตรายมาก จะมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 40 ( 40)
From...http://campus.sanook.com/u_life/knowledge_03762.php

1 comment:

All-i-Know said...

อยากลองลดน้ำหนัก ดูบ้างจัง