Wednesday, December 3, 2008

*ด้านมืด กับด้านสว่าง*

*ด้านมืด กับด้านสว่าง*
ชีวิตคนเรามันก็เหมือนกับเหรียญที่มีสองด้าน ด้านหนึ่งเป็นด้านมืดที่ปกคลุมอยู่ในจิตใจของเรา รอเวลาที่จะปลดปล่อยมันออกมา กับอีกด้านคือด้านสว่างที่มองเห็นด้วยเปลือกตาทั้งสองของทุกๆ คน
ในด้านมืด
อยู่ในส่วนลึกๆ ที่คนยังมีความรู้สึกกิเลสอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความโลภ โกรธ หลง ถ้าเราค่อยๆ
ปล่อยออกมาทีละนิด ก็จะไปแสดงในด้านสว่าง แต่ถ้าเราไม่ปล่อยมันก็จะเกาะกินหัวใจของเราทีละนิด ทีละนิด
จนมันเยอะขึ้น เยอะขึ้น แล้วในที่สุดมันก็จะระเบิดออกมาแบบที่น่ากลัวมาก
ในด้านสว่าง
ในบางเรื่องเราก็ดูเหมือนว่าเราทำดี บางเรื่องก็ทำไม่ดี เพราะมีด้านมืดปลดปล่อยออกมาบาง
แต่เมื่อเราค่อยๆ รับมืดกับมันในด้านมืด จิตใจเราก็จะเริ่มสบายขึ้น สบายขึ้น
ในความเป็นมนุษย์ ที่ยังมี ความโลภ โกรธ และหลง ระเริงอยู่ หรือที่เรียกว่ากิเลส เราก็จะรู้สึกถึงความทุกข์ที่ก่อให้เกิดขึ้นมา
เมื่อมีความทุกข์ ความสุขก็จะปิดบังตัวซ่อนอยู่ แต่เวลาที่ความทุกข์มันคลายตัวออก ความสุขก็มักจะมาแทนที่เสมอ
การพูดถึงเรื่องมืด กับสว่างมันง่าย ม้นดูเหมือนง่ายนะที่จะทำให้จิตใจเราเป็นสุขเสมอๆ แต่พอเรามีเรื่องอะไร
บางอย่างมากระทบด้านมืด การหยุดหยั่งไม่ให้คิด โน่นคิดนี่ ก็รู้สึกว่ามันยากเหลือเกิน
ความคิดที่เกิดขึ้นมันขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่ได้รับมา ถ้าเรา ทำใจในสิ่งที่รู้ว่ามันจะเกิด มันจะทำให้เราคลายได้เร็ว
แต่ถ้าเรามีประสบการณ์น้อย ความคลายมันจะช้าลง
เราต้องสู้ต่อต้านกับด้านมืดและสว่างให้มันสมดุล แล้วเราก็จะสบาย
ฉันก็อยากจะพบกับเส้นทางสายกลางที่ไม่สะทบสะท้านกับอะไรก็ตามที่มาปะทะกับจิตใจ­ได้ง่ายๆ
ตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยังไม่สามารถที่จะไปทางนั้น มันจะเอียงไปทางด้านมืดซะมากกว่าทุกที ใครกระตุ้นอะไรหน่อยก็จะปล่อยมาด้านสว่างเต็มที ทั้งๆ ที่เราควรจะค่อยๆ ปล่อยแล้วรับมือกับมันให้ได้ *ปล. ยิ่งต่อสู้ ก็ยิ่งทำให้เราจิตใจเข้มแข็งแล้วพร้อมที่จะเดินต่อ เพราะในเมื่อเราต้องเกิดมาสร้างสมดุลให้กับโลก แล้วเราจะรีบหนีไปจากโลกทำไม สนุกกับทุกๆ เรื่องที่เกิดขึ้นดีกว่าใช่ไหม*
-- ############################
ลดความรุนแรงในความคิด ชีวิตและสังคมเป็นสุข ขอบคุณที่อ่าน
หากเห็นประโยชน์โปรดส่งต่อให้คนที่คุณปราถนาดี อิสระเลือกชีวิตอย่างสร้างสรรค์ ด้วยตัวคุณเอง ############################

No comments: