Friday, September 5, 2008

ไม่ต้องรอให้ถึงวันแม่แล้วค่อยอ่าน

ก่อนถึง "วันแม่" มาอ่านเรื่องนี้ก่อนเถอะค่ะ ... > คุณจะรู้สึกว่าไม่เสียเวลาที่อ่านเลย> > หลังจากที่แต่งงานมาได้ 21 ปี> ผมก็ค้นพบวิธีใหม่ในการทำให้ความรักสดใสมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ> เพราะวันหนึ่งภรรยาผมบอกว่า ผมต้อง " ออกเดท" กับผู้หญิงคนหนึ่ง> มันเป็นไอเดียของเธอล้วนๆจริงๆ นะ> > " ฉันรู้ว่าคุณรักเธอ " ภรรยาผมว่า> " แต่ผมรักคุณนี่ " ผม เถียง> " ฉันรู้ค่ะ แต่คุณก็รักเธอคนนี้ ด้วยเหมือนกัน "> > ผู้หญิงคนนั้นที่ภรรยาอยากให้ผมไปหา คือ แม่ของผมเอง ซึ่งเป็นหม้ายมา 19 ปี > แล้ว> > เนื่องจากงานที่รัดตัวและต้องดูแล ลูกๆ> ทำให้ผมไปเยี่ยมแม่เพียงบางครั้งบางคราวเท่านั้น> วันที่ผมโทรไปหาแม่เพื่อชวนท่านออกไปทานข้าวเย็นและดูหนัง> แม่ถามว่า " มีอะไรหรือ ? ลูกสบายดีรึ เปล่า ? "> แม่ผมเป็นผู้หญิงประเภทที่คิด ว่าการที่คนโโทรมาหากลางดึก หรือเชิญอย่างกระทัน > หัน หมายความว่ามีเรื่องไม่ค่อยดีเกิดขึ้น> ผมตอบแม่ว่า " ผมว่าดีออกถ้าเราได้ใช้เวลากันตามลำพัง สองคนแม่ลูกบ้าง "> แม่นิ่งคิดไปครู่ หนึ่ง แล้วตอบว่า " แม่ยินดีมากเลย จ้ะ "> > เย็นวันศุกร์หลังเลิกงาน ผมขับรถ ไปรับแม่ที่บ้าน> ผมรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เมื่อผมไปถึงบ้านแม่ผมก็สังเกตได้ว่า > แม่เองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน> > แม่สวมเสื้อโค้ทนั่งรอผมอยู่ในบ้านเรียบร้อย แล้ว> แม่ม้วนผมแล้วสวมชุดที่แม่ใส่ในวันฉลองครบรอบการแต่งงานครั้งสุดท้าย> พลางยิ้มรับผมด้วยใบหน้าที่แจ่มใสราวกับทูตสวรรค์> " แม่บอกเพื่อนๆ ว่าแม่จะออกไปเที่ยวกับลูกชายพวกเขาประทับใจกัน ใหญ่> " แม่พูดขณะที่กำลังก้าวขึ้นรถ พวกเขารอฟัแทบไม่ไหวเลย "> เราไปภัตตาคารที่ถึงแม้จะไม่หรูหรา แต่ก็ดีเยี่ยมและบรรยากาศก็อบอุ่นสบายๆ มากๆ> แม่ควงแขนผมเดินราวกับว่าเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง> หลังจากที่เรานั่งลงเรียบร้อยแล้ว ผมต้องเป็นฝ่ายอ่านเมนูอาหาร เพราะสายตา > ของแม่อ่านได้เพียงตัวหนังสือตัวใหญ่ๆเท่านั้น> เมื่อผมอ่าน เมนูอองเทรไปได้เพียงครึ่ง ผมเงยขึ้นมอง > เห็นแม่กำลังมองดูผมอยู่ด้วยรอยยิ้มระลึกถึงความหลัง> " ตอนที่ลูกยังเล็กนั้น แม่ต้องเป็นคน อ่าน เมนูให้ลูกฟัง " แม่ว่า> " งั้นตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่ผมจะผลัดเวรให้แม่นั่งฟัง สบายๆบ้าง " ผมตอบ> > ในระหว่างมื้ออาหารนั้น เราคุยกันอย่างถูกคอ-ไม่ใช่เรื่องราวพิเศษอะไร-เพียง > แต่สลับกันถามว่าชีวิตของเราเป็นยังไง ทำอะไรที่ไหนมาบ้าง> เราคุยกันสนุกมากจนไปดูหนังไม่ทัน> เมื่อผมไปส่งแม่ที่บ้าน แม่พูดว่า " แล้วแม่จะออกไปเที่ยวกับลูก.กนะ > แต่คราวนี้ลูกต้องยอม ให้แม่เป็นเจ้าภาพนะจ๊ะ"> ผมตอบตกลง> > " ดินเน่อร์เป็นยังไงบ้าง ?" ภรรยาถามเมื่อผมกลับถึงบ้าน> " ดีเยี่ยมกว่าที่ผมคิดไว้มากเลย " ผมตอบ> > ไม่กี่วันต่อมา แม่ผมเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน > มันเกิดขึ้นกระทันหันมากจนผมช่วยอะไรไม่ทันเลย> > หลายวันต่อมา> ผมได้รับจดหมายพร้อมใบเสร็จจากภัตตาคารที่ผมกับแม่เคยไป มีโน๊ตเล็กๆ > แนบมาด้วยว่า> " แม่จ่ายค่าอาหารชุดนี้เรียบร้อยแล้ว แม่รู้อยู่แล้วว่าแม่คงไปไม่ได้ > แต่อย่างไรก็ตาม แม่ก็จ่ายสำหรับสองคน คือ ลูกกับภรรยา > ลูกคงเดาไม่ถูกหรอกว่าวันนั้นมีความหมายต่อ แม่มากแค่ไหน ,> รักลูก จ้ะ "> > วินาทีนั้นผมเข้าใจถึงความสำคัญของ.....> > การกล่าวคำว่า " รัก " ต่อคนที่เรารัก ในช่วงเวลาที่ท่านต้องการมัน > ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าครอบครัวของคุณ > จงให้เวลากับพวกเค้าในเวลาที่พวกท่านต้องการคุณ เพราะสิ่งเหล่านี้ > ไม่อาจผลัดวัน ประกันพรุ่งได้> > > > > --------------------------------------------------------------------------------> > บางคนบอกว่า......หลังจากที่คุณคลอดบุตรแล้วต้องใช้เวลาราว 6 > สัปดาห์จึงจะคืนสู่สภาพ เดิม> คนนั้นไม่รู้ว่าหลังจากที่คุณได้เป็นแม่คนแล้ว> ไม่มีคำว่าคนเดิมอีกต่อ ไป> > บางคนบอกว่า..... คนเราเรียนรู้การเป็นแม่ได้เองตามสัญชาติญาณ> คนนั้นไม่เคยพาลูกสามขวบไปซูเปอร์มาร์เกต> > บางคนบอกว่า... การเป็นแม่คนนั้นน่าเบื่อ> คนนั้นไม่เคยนั่งรถที่ลูกวัยรุ่นขับหลังจากที่ได้ใบขับขี่มาหมาดๆ> > บางคนบอกว่า..... ถ้าคุณเป็นคนดี ลูกออกมาก็จะดีเอง> คนนั้นนึกว่าเด็กคลอดออกมาพร้อมกับ คู่มือการใช้และใบรับประกัน> > บางคนบอกว่า .....แม่ที่ดีไม่ควรขึ้นเสียงกับลูก> คนนั้นไม่เคยเปิดประตูหลังบ้านออกมาทันได้เห็นลูกหวดลูกกอล์ฟเข้าใส่หน้าต่างครัวของเพื่อนบ้านพอดิบพอดี> > บางคนบอกว่า.... การเป็นแม่คนนั้นไม่ต้องมีการศึกษาก็ได้> คนนั้นไม่เคยช่วยลูกประถม 4 ทำการบ้านเลข> > บางคนบอกว่า..... แม่รักลูกคนที่ 5 ไม่เท่าลูกคนแรก> คนนั้นไม่เคยมีลูก 5 คน> > บางคนบอกว่า.... ช่วงที่ยากที่สุดของการเป็นแม่คือ ตอนเลี้ยงและตอนคลอด> คนนั้นไม่เคยยืนดูลูกขึ้น รถเมล์ไปโรงเรียนอนุบาลวันแรก > หรือขึ้นเครื่องบินไปบู๊ทแคมป์ของทหาร> > บางคนบอกว่า... งานของแม่นั้น หมูๆ ปิดตาสองข้าง > หรือมัดมือไว้ข้างหนึ่งก็ยังได้> คนนั้นไม่เคยสอนการออกเดินขายคุกกี้ให้กับเหล่ายุวนารี 7 คน > ที่กระจุ๊กกระจิ๊กคิกคักกันอยู่ตลอด เวลา> > บางคนบอกว่า.... แม่เลิกกังวลได้แล้ว หลังจากที่ลูกแต่งงานออกเรือนไป> คนนั้นไม่รู้ว่าการแต่งงานคือก ารนำลูกชายหรือลูกสาวคนใหม่ > เข้ามาอยู่ในสายใยใจของแม่> > บางคนบอกว่า...งานของแม่สิ้นสุดลงเมื่อลูกคนสุดท้ายออกจากบ้านไป> คนนั้นไม่เคยมีหลานยาย หรือ หลานย่า> > บางคนบอกว่า.... แม่รู้ดีอยู่แล้ว ว่าคุณรักท่าน เพราะงั้น ไม่ต้องบอกท่านก็ได้ > คนนั้นไม่เคยเป็นแม่คน> > -------------------------------------------------> > เป็นเมล์ที่เพื่อนส่งมาให้ค่ะ แต่อ่านแล้วกินใจ> > เวลาไม่อาจหวนกลับ................> > ทุกช่วงชีวิตน่าจดจำ................> > ถ้า....วันนี้.....คุณยังมีแม่อยู่........จงดูแลท่านเถิด........ให้ในสิ่งที่ท่านต้องการ.....ก่อนที่จะไม่มีวันดี > ๆ แบบนี้> > ด้วยความปรารถนาดี

No comments: