*เคยไหม? ภูมิใจกับสิ่งเล็กๆ*
* *
หลายสิ่งมักจะเกิดขึ้นกับการทำอะไรด้วยตนเองในครั้งแรก ถ้าคุณยังพอจะจำได้ (บ้าง) การปั่นจักรยานเป็น ในวัยเด็ก หรือในตอนที่อายุมากแล้ว แม้ว่าความรู้สึกจริงๆ จะต่างกัน ... แต่ความสุขที่ยิ่งใหญ่ คงไม่ต่าง
การทำอะไร ก่อนคนวัยเดียวกันทำได้ ก็เช่นกัน การได้เงินเดือนก้อนแรก แม้ว่าจะน้อยนิด และเงินนั้น ก็อยู่ไม่ถึงสิ้นเดือน การโบกรถเมล์ด้วยตนเอง แล้วรถเมล์จอดให้ขึ้น อาหารจานแรกที่ทำเอง แย่ แต่ก็ดีกว่ากินดิน การถูกรางวัลเลขท้ายสองตัว .... จากที่ตามเลขเด็ดมาเป็นปีๆ *การที่คนที่คุณแอบปลื้มมานานในที่ทำงาน ยิ้มให้คุณแค่เพียงเสี้ยววินาทีชีวิต*
คุณรอดจากการสอบตก มาแบบเส้นยาแดง คุณวิ่งขึ้นรถไฟฟ้า พร้อมๆ กับการปิดของประตูอัตโนมัติ คุณขับรถป้ายแดงวันแรก จากบ้านถึงที่ทำงาน โดยไม่ชนใคร (แต่เหงื่อท่วมมือ) คุณเพิ่งแต่งหน้าวันแรก มีคนชมคุณ ตั้งแต่บ้านจนถึงที่ทำงาน
ความสุขเล็กๆ แม้จะเกิดขึ้นแบบวูบๆ วาบๆ บ้าง ความสุขในรูปแบบเหมือนๆ กัน พร้อมจะเกิดกับคนแต่ละคนเสมอๆ การที่เราหัดที่จะพอใจอะไรง่ายๆ สร้างความภูมิใจเล็กๆ ดีกว่า อยู่กับความทุกข์ แม้ความสุขที่เข้ามา ก็มองไม่เห็น
*เรียนรู้ที่จะสอนตัวเองแบบนั้นบ้าง เมื่อเวลาที่รู้สึกแย่ๆ แล้วจะทำให้โลกนี้ น่าอยู่อีกเยอะ * แล้วคุณหละ มีความภูมิใจเล็กๆ อะไรบ้าง
Wednesday, December 3, 2008
*ด้านมืด กับด้านสว่าง*
*ด้านมืด กับด้านสว่าง*
ชีวิตคนเรามันก็เหมือนกับเหรียญที่มีสองด้าน ด้านหนึ่งเป็นด้านมืดที่ปกคลุมอยู่ในจิตใจของเรา รอเวลาที่จะปลดปล่อยมันออกมา กับอีกด้านคือด้านสว่างที่มองเห็นด้วยเปลือกตาทั้งสองของทุกๆ คน
ในด้านมืด
อยู่ในส่วนลึกๆ ที่คนยังมีความรู้สึกกิเลสอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความโลภ โกรธ หลง ถ้าเราค่อยๆ
ปล่อยออกมาทีละนิด ก็จะไปแสดงในด้านสว่าง แต่ถ้าเราไม่ปล่อยมันก็จะเกาะกินหัวใจของเราทีละนิด ทีละนิด
จนมันเยอะขึ้น เยอะขึ้น แล้วในที่สุดมันก็จะระเบิดออกมาแบบที่น่ากลัวมาก
ในด้านสว่าง
ในบางเรื่องเราก็ดูเหมือนว่าเราทำดี บางเรื่องก็ทำไม่ดี เพราะมีด้านมืดปลดปล่อยออกมาบาง
แต่เมื่อเราค่อยๆ รับมืดกับมันในด้านมืด จิตใจเราก็จะเริ่มสบายขึ้น สบายขึ้น
ในความเป็นมนุษย์ ที่ยังมี ความโลภ โกรธ และหลง ระเริงอยู่ หรือที่เรียกว่ากิเลส เราก็จะรู้สึกถึงความทุกข์ที่ก่อให้เกิดขึ้นมา
เมื่อมีความทุกข์ ความสุขก็จะปิดบังตัวซ่อนอยู่ แต่เวลาที่ความทุกข์มันคลายตัวออก ความสุขก็มักจะมาแทนที่เสมอ
การพูดถึงเรื่องมืด กับสว่างมันง่าย ม้นดูเหมือนง่ายนะที่จะทำให้จิตใจเราเป็นสุขเสมอๆ แต่พอเรามีเรื่องอะไร
บางอย่างมากระทบด้านมืด การหยุดหยั่งไม่ให้คิด โน่นคิดนี่ ก็รู้สึกว่ามันยากเหลือเกิน
ความคิดที่เกิดขึ้นมันขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่ได้รับมา ถ้าเรา ทำใจในสิ่งที่รู้ว่ามันจะเกิด มันจะทำให้เราคลายได้เร็ว
แต่ถ้าเรามีประสบการณ์น้อย ความคลายมันจะช้าลง
เราต้องสู้ต่อต้านกับด้านมืดและสว่างให้มันสมดุล แล้วเราก็จะสบาย
ฉันก็อยากจะพบกับเส้นทางสายกลางที่ไม่สะทบสะท้านกับอะไรก็ตามที่มาปะทะกับจิตใจได้ง่ายๆ
ตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยังไม่สามารถที่จะไปทางนั้น มันจะเอียงไปทางด้านมืดซะมากกว่าทุกที ใครกระตุ้นอะไรหน่อยก็จะปล่อยมาด้านสว่างเต็มที ทั้งๆ ที่เราควรจะค่อยๆ ปล่อยแล้วรับมือกับมันให้ได้ *ปล. ยิ่งต่อสู้ ก็ยิ่งทำให้เราจิตใจเข้มแข็งแล้วพร้อมที่จะเดินต่อ เพราะในเมื่อเราต้องเกิดมาสร้างสมดุลให้กับโลก แล้วเราจะรีบหนีไปจากโลกทำไม สนุกกับทุกๆ เรื่องที่เกิดขึ้นดีกว่าใช่ไหม*
-- ############################
ลดความรุนแรงในความคิด ชีวิตและสังคมเป็นสุข ขอบคุณที่อ่าน
หากเห็นประโยชน์โปรดส่งต่อให้คนที่คุณปราถนาดี อิสระเลือกชีวิตอย่างสร้างสรรค์ ด้วยตัวคุณเอง ############################
ชีวิตคนเรามันก็เหมือนกับเหรียญที่มีสองด้าน ด้านหนึ่งเป็นด้านมืดที่ปกคลุมอยู่ในจิตใจของเรา รอเวลาที่จะปลดปล่อยมันออกมา กับอีกด้านคือด้านสว่างที่มองเห็นด้วยเปลือกตาทั้งสองของทุกๆ คน
ในด้านมืด
อยู่ในส่วนลึกๆ ที่คนยังมีความรู้สึกกิเลสอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความโลภ โกรธ หลง ถ้าเราค่อยๆ
ปล่อยออกมาทีละนิด ก็จะไปแสดงในด้านสว่าง แต่ถ้าเราไม่ปล่อยมันก็จะเกาะกินหัวใจของเราทีละนิด ทีละนิด
จนมันเยอะขึ้น เยอะขึ้น แล้วในที่สุดมันก็จะระเบิดออกมาแบบที่น่ากลัวมาก
ในด้านสว่าง
ในบางเรื่องเราก็ดูเหมือนว่าเราทำดี บางเรื่องก็ทำไม่ดี เพราะมีด้านมืดปลดปล่อยออกมาบาง
แต่เมื่อเราค่อยๆ รับมืดกับมันในด้านมืด จิตใจเราก็จะเริ่มสบายขึ้น สบายขึ้น
ในความเป็นมนุษย์ ที่ยังมี ความโลภ โกรธ และหลง ระเริงอยู่ หรือที่เรียกว่ากิเลส เราก็จะรู้สึกถึงความทุกข์ที่ก่อให้เกิดขึ้นมา
เมื่อมีความทุกข์ ความสุขก็จะปิดบังตัวซ่อนอยู่ แต่เวลาที่ความทุกข์มันคลายตัวออก ความสุขก็มักจะมาแทนที่เสมอ
การพูดถึงเรื่องมืด กับสว่างมันง่าย ม้นดูเหมือนง่ายนะที่จะทำให้จิตใจเราเป็นสุขเสมอๆ แต่พอเรามีเรื่องอะไร
บางอย่างมากระทบด้านมืด การหยุดหยั่งไม่ให้คิด โน่นคิดนี่ ก็รู้สึกว่ามันยากเหลือเกิน
ความคิดที่เกิดขึ้นมันขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่ได้รับมา ถ้าเรา ทำใจในสิ่งที่รู้ว่ามันจะเกิด มันจะทำให้เราคลายได้เร็ว
แต่ถ้าเรามีประสบการณ์น้อย ความคลายมันจะช้าลง
เราต้องสู้ต่อต้านกับด้านมืดและสว่างให้มันสมดุล แล้วเราก็จะสบาย
ฉันก็อยากจะพบกับเส้นทางสายกลางที่ไม่สะทบสะท้านกับอะไรก็ตามที่มาปะทะกับจิตใจได้ง่ายๆ
ตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยังไม่สามารถที่จะไปทางนั้น มันจะเอียงไปทางด้านมืดซะมากกว่าทุกที ใครกระตุ้นอะไรหน่อยก็จะปล่อยมาด้านสว่างเต็มที ทั้งๆ ที่เราควรจะค่อยๆ ปล่อยแล้วรับมือกับมันให้ได้ *ปล. ยิ่งต่อสู้ ก็ยิ่งทำให้เราจิตใจเข้มแข็งแล้วพร้อมที่จะเดินต่อ เพราะในเมื่อเราต้องเกิดมาสร้างสมดุลให้กับโลก แล้วเราจะรีบหนีไปจากโลกทำไม สนุกกับทุกๆ เรื่องที่เกิดขึ้นดีกว่าใช่ไหม*
-- ############################
ลดความรุนแรงในความคิด ชีวิตและสังคมเป็นสุข ขอบคุณที่อ่าน
หากเห็นประโยชน์โปรดส่งต่อให้คนที่คุณปราถนาดี อิสระเลือกชีวิตอย่างสร้างสรรค์ ด้วยตัวคุณเอง ############################
สิ่งที่ตนมีและตนเป็น
สิ่งที่ตนมีและตนเป็น
นานมาแล้ว เทพเจ้าเรียกบรรดาสัตว์มาชุมนุมกัน
เพื่อถามถึงความพอใจในรูปร่างหน้าตาของพวกเขา
" เจ้าลิง เจ้าเป็นสัตว์ที่มีความรู้สึกไว ลองมองดูเพื่อน ๆ ของเจ้าสิ เจ้าอยากมีอะไรเหมือนเขาบ้าง ? " เทพเจ้าถาม
" ข้ารึ .. ทำไมข้าถึงจะต้องการอะไรที่แตกต่างไปจากนี้ละ?
ข้ามิได้มี 4 เท้าเหมือนสัตว์อื่นรึ - หน้าตาข้าไม่ดีเท่าสัตว์อื่นรึ? ดูพี่หมีซิ
เมื่อเทียบกับข้าแล้วเขาดูเหมือนภาพเขียนสีน้ำมันหยาบ ๆ ใครนะช่าเขียนเขาขึ้นมาได้ ? " เจ้าลิงตอบ
เจ้าหมียืนขึ้น 2 เท้า บรรดาสัตว์ต่างคิดว่า เขาคงบ่นถึงความอัปลักษณ์ของตัวเอง แต่มันกลับพูดขึ้นว่า
" ข้าคิดว่า หันไปดูเจ้าช้างดีกว่า ดูสิ หางก็น่าเกลียด หูก็ใหญ่ มันเป็นสัตว์ตัวใหญ่เทอะทะเกินไป "
" ข้าคิดว่าเจ้าปลาวาฬต่างหากที่ทั้งใหญ่ทั้งอ้วน น่าเกลียด" เจ้าช้างตอบ
ส่วนมดก็กล่าวหาว่า ตัวหมัดมีรูปร่างผอมมากจนดูไม่ได้ ในขณะที่มันมีรูปร่างดีที่สุดในบรรดาแมลง
ในที่สุดเทพเจ้าก็รำคาญส่งสัตว์ทั้งหลายกลับเข้าป่าไปเพื่อชื่นชมโอ้อวดตัวเองและตำหนิผู้อื่น..
.....................
มนุษย์เราก็เช่นกันมิใช่หรือ
คนส่วนมากฉลาดที่จะมองข้อเสียของผู้อื่น และมักมองไม่เห็นข้อเสียของตัวเอง
และหากเขามองเห็นข้อเสียของตัวเองก็มักทำเป็นลืมไปเสียโดยเร็ว
เปรียบเสมือนกับคนที่มีกระเป๋า 2 ใบอยู่ ด้านหน้า และ ด้านหลัง
กระเป๋าหลังใส่ความผิดของตัวเองทำให้มองไม่เห็นอย่างถนัด
ส่วนกระเป๋าหน้าใส่ความผิดของผู้อื่น
ซึ่งสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
นิทานเรื่องนี้สอนว่า ถ้าคนเราไม่สามารถที่จะพอใจในสิ่งที่ตนมีและตนเป็น เขาก็คงไม่พอใจอยู่ดี
แม้ว่าโลกนี้ทั้งโลกเป็นของเขา...
-- ############################ ลดความรุนแรงในความคิด ชีวิตและสังคมเป็นสุข ขอบคุณที่อ่าน ถ้าชอบก็ส่งต่อ ไม่ชอบก็ delete อิสระเลือกชีวิตอย่างสร้างสรรค์ ด้วยตัวคุณเอง ############################
นานมาแล้ว เทพเจ้าเรียกบรรดาสัตว์มาชุมนุมกัน
เพื่อถามถึงความพอใจในรูปร่างหน้าตาของพวกเขา
" เจ้าลิง เจ้าเป็นสัตว์ที่มีความรู้สึกไว ลองมองดูเพื่อน ๆ ของเจ้าสิ เจ้าอยากมีอะไรเหมือนเขาบ้าง ? " เทพเจ้าถาม
" ข้ารึ .. ทำไมข้าถึงจะต้องการอะไรที่แตกต่างไปจากนี้ละ?
ข้ามิได้มี 4 เท้าเหมือนสัตว์อื่นรึ - หน้าตาข้าไม่ดีเท่าสัตว์อื่นรึ? ดูพี่หมีซิ
เมื่อเทียบกับข้าแล้วเขาดูเหมือนภาพเขียนสีน้ำมันหยาบ ๆ ใครนะช่าเขียนเขาขึ้นมาได้ ? " เจ้าลิงตอบ
เจ้าหมียืนขึ้น 2 เท้า บรรดาสัตว์ต่างคิดว่า เขาคงบ่นถึงความอัปลักษณ์ของตัวเอง แต่มันกลับพูดขึ้นว่า
" ข้าคิดว่า หันไปดูเจ้าช้างดีกว่า ดูสิ หางก็น่าเกลียด หูก็ใหญ่ มันเป็นสัตว์ตัวใหญ่เทอะทะเกินไป "
" ข้าคิดว่าเจ้าปลาวาฬต่างหากที่ทั้งใหญ่ทั้งอ้วน น่าเกลียด" เจ้าช้างตอบ
ส่วนมดก็กล่าวหาว่า ตัวหมัดมีรูปร่างผอมมากจนดูไม่ได้ ในขณะที่มันมีรูปร่างดีที่สุดในบรรดาแมลง
ในที่สุดเทพเจ้าก็รำคาญส่งสัตว์ทั้งหลายกลับเข้าป่าไปเพื่อชื่นชมโอ้อวดตัวเองและตำหนิผู้อื่น..
.....................
มนุษย์เราก็เช่นกันมิใช่หรือ
คนส่วนมากฉลาดที่จะมองข้อเสียของผู้อื่น และมักมองไม่เห็นข้อเสียของตัวเอง
และหากเขามองเห็นข้อเสียของตัวเองก็มักทำเป็นลืมไปเสียโดยเร็ว
เปรียบเสมือนกับคนที่มีกระเป๋า 2 ใบอยู่ ด้านหน้า และ ด้านหลัง
กระเป๋าหลังใส่ความผิดของตัวเองทำให้มองไม่เห็นอย่างถนัด
ส่วนกระเป๋าหน้าใส่ความผิดของผู้อื่น
ซึ่งสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
นิทานเรื่องนี้สอนว่า ถ้าคนเราไม่สามารถที่จะพอใจในสิ่งที่ตนมีและตนเป็น เขาก็คงไม่พอใจอยู่ดี
แม้ว่าโลกนี้ทั้งโลกเป็นของเขา...
-- ############################ ลดความรุนแรงในความคิด ชีวิตและสังคมเป็นสุข ขอบคุณที่อ่าน ถ้าชอบก็ส่งต่อ ไม่ชอบก็ delete อิสระเลือกชีวิตอย่างสร้างสรรค์ ด้วยตัวคุณเอง ############################
ใครชอบความสูง...ยกมือขึ้น
ชอบความสูง:เที่ยวเมืองไทย :-) ภูติดอันดับ....... ;-)
1. ดอยอินทนนท์ ( อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ) 2,571 ม.(อยู่หลังสถานีเรดาห์ สูงกว่าตรงป้ายสูงสุดในสยามที่เขียนว่า 2,565 ม. นิดหน่อย) อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:50,000 ระวาง 4646 II
2. ดอยผ้าห่มปก (อ.แม่อาย-อ.ฝาง จ.เชียงใหม่) 2,288 ม. (ส่วนมากจะได้ยินว่า 2,285 ม.)จากนิตยสาร WEEKEND หลายปีก่อน ยังไม่มีแผนที่มายืนยัน
3. ดอยหลวงเชียงดาว (อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่) 2,175 ม. ( แต่ดูเส้นชั้นความสูงแล้วน่าจะสูงกว่า 2,200 ม.อีก) มียอดข้างเคียงคือ ดอยสามพี่น้อง (2150+- ม.) และดอยหนอกหรือดอยพิระมิด (2,150+-ม.) อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:50,000 ระวาง 4747 I
4. เขาขาแข็ง (อ.อุ้มผาง จ.ตาก รอการสำรวจอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง) 2,152+- ม. (อาจเป็นได้ว่าเขาลูกนี้จะแซงดอยหลวงเชียงดาว เข้าป้ายที่ 3) มียอดเขาใกล้เคียงชื่อ เขาใหญ่ (2,022 ม.) อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:250,000 ระวางพิษณุโลก
5. ดอยลังกาหลวง (รอยต่อ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.ลำปาง) 2,030 ม. มียอดดอยใกล้เคียงคือ ดอยผาโง้ม และ ดอยลังกาน้อย ที่สูงเกือบๆ 1,800 ม. อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:50,000 ระวางบ้านแม่โถ
6. ดอยผีปันน้ำ (ชายแดน อ.ปัว จ.น่าน กับ สปป.ลาว) 2,079 ม. อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:250,000 ระวางไชยบุรี
7. ดอยโล (ชายแดน กิ่ง อ.บ่อเกลือ จ.น่าน กับ สปป.ลาว ที่อาจอยู่เลยเข้าไปในเขตแดนลาวแล้ว) 2,077 ม. อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:250,000 ระวางไชยบุรี
8. ดอยแฝด (ในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่นาย Oat เคยเอาแผนที่มาโชว์ แต่ผมไม่มีแผนที่ระวางนั้น) 2,007 ม. โดยมียอดข้างเคียงที่สูง 2,005 ม.
9. ดอยขุนห้วยโป่ง (อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน - อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่) 2,004 ม. มียอดใกล้เคียงคือ ดอยขุนห้วยยา (1,937 ม.) อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:50,000 ระวาง 4646 IV 10. ดอยภูคา (อ.ปัว จ.น่าน) 1,980 ม.(น่าจะมีเศษต่อท้ายด้วย) อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:250,000 ระวางไชยบุรี
10. ดอยผ้าขาว (อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่) 1,980 ม. อยู่ระหว่างทางขึ้นดอยอินทนนท์ แต่*งจากยอดอินทนนท์ไกลพอดู อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:50,000 ระวาง 4645 I
11. เขาโมโกจู (อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร - อ.อุ้มผาง จ.ตาก) 1,964 ม. อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:250,000 ระวางนครสวรรค์
12. ดอยอ่างขาง (อ.ฝาง จ.เชียงใหม่) 1,939 ม. โดยดูเหมือนจะมียอดที่สูงกว่านี้เล็กน้อยอยู่ใกล้กันในเขตพม่า อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:250,000 ระวางเชียงราย
13. ดอยลาน (อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน) 1,918 ม. จากนิตยสาร WEEKEND หลายปีก่อน ยังไม่มีแผนที่มายืนยัน
15. ดอยทุม หรือ ดอยตูม (อ.แม่จัน จ.เชียงราย) 1,906 ม. จากนิตยสาร WEEKEND หลายปีก่อน ยังไม่มีแผนที่มายืนยัน
14. เขาเย็น (อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร - อ.พบพระ จ.ตาก ในเขตอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า) 1,898 ม. อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:250,000 ระวางพิษณุโลก
15. ดอยหมากส้มขอน (อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน) 1,896 ม. จากนิตยสาร WEEKEND หลายปีก่อน ยังไม่มีแผนที่มายืนยัน
16. ดอยม่อนจอง (อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ - อ.แม่ตื่น จ.ตาก) 1,886 ม. อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:250,000 ระวาง อ.ลี้ 1 ปี พิชิตมา 1ดอย อันดับที่ 16 ....ก็ยังดีว่ะ 5555
17. ดอยหัวเสือ (อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่) 1,881 ม. เป็นต้นน้ำของน้ำตกแม่ยะด้วย อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:50,000 ระวาง 4745 IV 18. ดอยภูแว (อ.ปัว จ.น่าน) 1,865 ม. อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:250,000
ระวางไชยบุรี--------------------------------------------------------------------------เป็นข้อมูลที่อาจไม่ได้มาตรฐาน...ทางความสูง..แต่ก็เชื่อถือได้ระดับหนึ่งจะได้ปีนป่าย ดั้นด้น กับความสูงที่ชอบ...ได้กี่ภูหว่า ;-)
ขออนุญาตินำมาแบ่งปันให้คนอื่นๆ และขอขอบคุณค่ะ Blog ของคุณ amseen
1. ดอยอินทนนท์ ( อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ) 2,571 ม.(อยู่หลังสถานีเรดาห์ สูงกว่าตรงป้ายสูงสุดในสยามที่เขียนว่า 2,565 ม. นิดหน่อย) อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:50,000 ระวาง 4646 II
2. ดอยผ้าห่มปก (อ.แม่อาย-อ.ฝาง จ.เชียงใหม่) 2,288 ม. (ส่วนมากจะได้ยินว่า 2,285 ม.)จากนิตยสาร WEEKEND หลายปีก่อน ยังไม่มีแผนที่มายืนยัน
3. ดอยหลวงเชียงดาว (อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่) 2,175 ม. ( แต่ดูเส้นชั้นความสูงแล้วน่าจะสูงกว่า 2,200 ม.อีก) มียอดข้างเคียงคือ ดอยสามพี่น้อง (2150+- ม.) และดอยหนอกหรือดอยพิระมิด (2,150+-ม.) อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:50,000 ระวาง 4747 I
4. เขาขาแข็ง (อ.อุ้มผาง จ.ตาก รอการสำรวจอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง) 2,152+- ม. (อาจเป็นได้ว่าเขาลูกนี้จะแซงดอยหลวงเชียงดาว เข้าป้ายที่ 3) มียอดเขาใกล้เคียงชื่อ เขาใหญ่ (2,022 ม.) อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:250,000 ระวางพิษณุโลก
5. ดอยลังกาหลวง (รอยต่อ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.ลำปาง) 2,030 ม. มียอดดอยใกล้เคียงคือ ดอยผาโง้ม และ ดอยลังกาน้อย ที่สูงเกือบๆ 1,800 ม. อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:50,000 ระวางบ้านแม่โถ
6. ดอยผีปันน้ำ (ชายแดน อ.ปัว จ.น่าน กับ สปป.ลาว) 2,079 ม. อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:250,000 ระวางไชยบุรี
7. ดอยโล (ชายแดน กิ่ง อ.บ่อเกลือ จ.น่าน กับ สปป.ลาว ที่อาจอยู่เลยเข้าไปในเขตแดนลาวแล้ว) 2,077 ม. อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:250,000 ระวางไชยบุรี
8. ดอยแฝด (ในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่นาย Oat เคยเอาแผนที่มาโชว์ แต่ผมไม่มีแผนที่ระวางนั้น) 2,007 ม. โดยมียอดข้างเคียงที่สูง 2,005 ม.
9. ดอยขุนห้วยโป่ง (อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน - อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่) 2,004 ม. มียอดใกล้เคียงคือ ดอยขุนห้วยยา (1,937 ม.) อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:50,000 ระวาง 4646 IV 10. ดอยภูคา (อ.ปัว จ.น่าน) 1,980 ม.(น่าจะมีเศษต่อท้ายด้วย) อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:250,000 ระวางไชยบุรี
10. ดอยผ้าขาว (อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่) 1,980 ม. อยู่ระหว่างทางขึ้นดอยอินทนนท์ แต่*งจากยอดอินทนนท์ไกลพอดู อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:50,000 ระวาง 4645 I
11. เขาโมโกจู (อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร - อ.อุ้มผาง จ.ตาก) 1,964 ม. อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:250,000 ระวางนครสวรรค์
12. ดอยอ่างขาง (อ.ฝาง จ.เชียงใหม่) 1,939 ม. โดยดูเหมือนจะมียอดที่สูงกว่านี้เล็กน้อยอยู่ใกล้กันในเขตพม่า อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:250,000 ระวางเชียงราย
13. ดอยลาน (อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน) 1,918 ม. จากนิตยสาร WEEKEND หลายปีก่อน ยังไม่มีแผนที่มายืนยัน
15. ดอยทุม หรือ ดอยตูม (อ.แม่จัน จ.เชียงราย) 1,906 ม. จากนิตยสาร WEEKEND หลายปีก่อน ยังไม่มีแผนที่มายืนยัน
14. เขาเย็น (อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร - อ.พบพระ จ.ตาก ในเขตอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า) 1,898 ม. อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:250,000 ระวางพิษณุโลก
15. ดอยหมากส้มขอน (อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน) 1,896 ม. จากนิตยสาร WEEKEND หลายปีก่อน ยังไม่มีแผนที่มายืนยัน
16. ดอยม่อนจอง (อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ - อ.แม่ตื่น จ.ตาก) 1,886 ม. อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:250,000 ระวาง อ.ลี้ 1 ปี พิชิตมา 1ดอย อันดับที่ 16 ....ก็ยังดีว่ะ 5555
17. ดอยหัวเสือ (อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่) 1,881 ม. เป็นต้นน้ำของน้ำตกแม่ยะด้วย อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:50,000 ระวาง 4745 IV 18. ดอยภูแว (อ.ปัว จ.น่าน) 1,865 ม. อ้างอิง แผนที่ทหาร 1:250,000
ระวางไชยบุรี--------------------------------------------------------------------------เป็นข้อมูลที่อาจไม่ได้มาตรฐาน...ทางความสูง..แต่ก็เชื่อถือได้ระดับหนึ่งจะได้ปีนป่าย ดั้นด้น กับความสูงที่ชอบ...ได้กี่ภูหว่า ;-)
ขออนุญาตินำมาแบ่งปันให้คนอื่นๆ และขอขอบคุณค่ะ Blog ของคุณ amseen
"8 มุมดีๆ" ในภาวะวิกฤติ
"8 มุมดีๆ" ในภาวะวิกฤติ
ในภาวะวิกฤติที่หลายๆ ธุรกิจกำลังเริ่มเผชิญกันอยู่ในปัจจุบัน และหลายๆ ธุรกิจเริ่มถูกผลกระทบอย่างรุนแรง
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : อย่างไรก็แล้วแต่ ผมกลับมองเห็น *"มุมดีๆ"*ที่เกิดขึ้นและแทรกตัวอยู่ในภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจ และผมเชื่อว่า ผู้นำขององค์กรทุกๆ ธุรกิจ ถ้าลองมองดีๆ ก็จะเห็นประโยชน์ที่เกิดจากมุมดีๆ อย่างที่ผมเห็นเช่นกัน
*มุมดีๆ อันแรก*… เราจะเห็นความระมัดระวัง ในการขับเคลื่อนธุรกิจของผู้นำองค์กร ที่จะคิดก่อนทำ วิเคราะห์ก่อนจ่าย เรียกว่าใช้เงินเป็นมากกว่าตอนภาวะเศรษฐกิจดี ไม่บุ่มบ่าม ไม่ลงทุนแบบเลอะเทอะ หรือมั่นใจแบบไร้สติเหมือนที่เคยทำกันมา
*มุมดีๆ อันที่สอง*.. เราจะเห็นความตื่นตัว เห็นความทุ่มเท เห็นความขยันมากขึ้นของทีมงาน…เพราะเริ่มรู้แล้วว่า ถ้าขืนขี้เกียจเฉื่อยแฉะเหมือนที่เคยทำในทุกๆ วันที่ผ่านมา ก็จะกลายเป็นพนักงานกลุ่มแรกๆ ที่อาจจะต้องตกงาน เพราะจะมีทั้งบัณฑิตจบใหม่และคนที่ต้องออกจากงาน มาให้เลือกอีกมากในเร็วๆ นี้
*มุมดีๆ อันที่สาม*… หลายๆ บริษัทจะเริ่มค้นหาไปจนถึงค้นพบ ตลาดใหม่ๆ ทดแทนตลาดเดิมที่กำลังตายไปพร้อมภาวะวิกฤติ และเราจะเลิกยึดติดแต่ตลาดเดิมๆ เพื่อเดินไปหาและสร้างตลาดใหม่ๆ ในช่วงนี้
*มุมดีๆ อันที่สี่*… มุมนี้สำคัญมากๆ ในความคิดเห็นของผม..เพราะเราจะมีโอกาส "ได้คิดกลยุทธ์ใหม่ๆ" ได้มีโอกาสใช้ศักยภาพของทั้งตนเองและทีมงานมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะแค่อยู่รอด หรือเพื่อให้รุ่ง ก็ขึ้นอยู่กับจังหวะ โอกาสและความสามารถที่ท่านจะรีดออกมาจากตัวท่านเองในช่วงนี้
*มุมดีๆ อันที่ห้า*…. เกือบทุกบริษัท จะเริ่มให้ความสำคัญ ให้ความใส่ใจกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น (ไม่ใช่ให้ความสำคัญแต่ปากแต่ปฏิบัติอีกอย่างในช่วงที่ลูกค้าหาง่าย) เมื่อลองได้ใกล้ชิดและใส่ใจกับลูกค้าแต่ละรายมากยิ่งขึ้น ก็จะเริ่มค้นพบปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของลูกค้ามากยิ่งขึ้น นั่นก็คือโอกาสที่หาได้ยากในภาวะปรกติ
*มุมดีๆ อันที่หก*… หลายๆ บริษัทจะสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในเรื่องของสินค้า เพราะค้นพบแล้วว่า สินค้าเดิมไม่มีเสน่ห์พอที่จะดึงดูดลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ๆ ให้มาสนใจ สินค้าใหม่ หรือนวัตกรรมใหม่คือโอกาสที่เกิดจากวิกฤติ
*มุมดีๆ อันที่เจ็ด*… หลายๆ บริษัทจะเริ่มยกระดับการให้บริการ จากเดิมที่ล่าช้าก็ทำให้เร็วขึ้น จากเดิมที่ไม่มีความแตกต่างกับคู่แข่งก็จะสร้างมาตรฐานใหม่ในเรื่องการบริ การ และบางบริษัทที่เก่งก็จะค้นพบว่า บริการที่ดีสามารถสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นอย่างทันที
*มุมดีๆ ที่แปด*…หลายๆ บริษัทจะเริ่มค้นพบแล้วว่า…ทีมงานทุกหน่วยงานในองค์กร ใครคือทีมงานที่สร้างคุณค่าให้กับหน่วยงานและองค์กร ใครคือทีมงานที่จะเป็นกำลังหลักในการร่วมกันนำองค์กรฝ่าฟันภาวะวิกฤติ และใครคือทีมงานที่…มักจะเอาตัวรอดหรือโดดหนีทันทีเมื่อเจอพายุกระหน่ำ
มุมดีๆ ยังมีมากกว่านี้…แต่เพียงแค่นี้ ผมก็คิดว่า คุ้มค่าแล้วครับที่เราจะมอง "วิกฤติที่กำลังเกิดขึ้น"ในมุมใหม่ ในทางสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น แทนที่จะมานั่งตกอกตกใจแบบกระต่ายตื่นกลัว เสียเวลาเปล่าๆ
เอาเวลาที่จะไปคิดปลดคนก่อนที่จะแก้ไข หรือใช้ศักยภาพคนที่มีอยู่ เอาเวลาที่จะไปนั่งอ่านข่าวแล้วตกใจแบบไร้สติมาคิดมาหา
มามองมุมดีๆ อย่างจริงจังกันดีกว่า..
เพราะถ้ายิ่งมองช้าหรือหาไม่พบ..ก็อาจจะพบจุดจบเหมือนหลายๆ ธุรกิจที่กำลังเป็นก็ได้นะครับ
เรื่อง : ธีรพล แซ่ตั้ง
ในภาวะวิกฤติที่หลายๆ ธุรกิจกำลังเริ่มเผชิญกันอยู่ในปัจจุบัน และหลายๆ ธุรกิจเริ่มถูกผลกระทบอย่างรุนแรง
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : อย่างไรก็แล้วแต่ ผมกลับมองเห็น *"มุมดีๆ"*ที่เกิดขึ้นและแทรกตัวอยู่ในภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจ และผมเชื่อว่า ผู้นำขององค์กรทุกๆ ธุรกิจ ถ้าลองมองดีๆ ก็จะเห็นประโยชน์ที่เกิดจากมุมดีๆ อย่างที่ผมเห็นเช่นกัน
*มุมดีๆ อันแรก*… เราจะเห็นความระมัดระวัง ในการขับเคลื่อนธุรกิจของผู้นำองค์กร ที่จะคิดก่อนทำ วิเคราะห์ก่อนจ่าย เรียกว่าใช้เงินเป็นมากกว่าตอนภาวะเศรษฐกิจดี ไม่บุ่มบ่าม ไม่ลงทุนแบบเลอะเทอะ หรือมั่นใจแบบไร้สติเหมือนที่เคยทำกันมา
*มุมดีๆ อันที่สอง*.. เราจะเห็นความตื่นตัว เห็นความทุ่มเท เห็นความขยันมากขึ้นของทีมงาน…เพราะเริ่มรู้แล้วว่า ถ้าขืนขี้เกียจเฉื่อยแฉะเหมือนที่เคยทำในทุกๆ วันที่ผ่านมา ก็จะกลายเป็นพนักงานกลุ่มแรกๆ ที่อาจจะต้องตกงาน เพราะจะมีทั้งบัณฑิตจบใหม่และคนที่ต้องออกจากงาน มาให้เลือกอีกมากในเร็วๆ นี้
*มุมดีๆ อันที่สาม*… หลายๆ บริษัทจะเริ่มค้นหาไปจนถึงค้นพบ ตลาดใหม่ๆ ทดแทนตลาดเดิมที่กำลังตายไปพร้อมภาวะวิกฤติ และเราจะเลิกยึดติดแต่ตลาดเดิมๆ เพื่อเดินไปหาและสร้างตลาดใหม่ๆ ในช่วงนี้
*มุมดีๆ อันที่สี่*… มุมนี้สำคัญมากๆ ในความคิดเห็นของผม..เพราะเราจะมีโอกาส "ได้คิดกลยุทธ์ใหม่ๆ" ได้มีโอกาสใช้ศักยภาพของทั้งตนเองและทีมงานมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะแค่อยู่รอด หรือเพื่อให้รุ่ง ก็ขึ้นอยู่กับจังหวะ โอกาสและความสามารถที่ท่านจะรีดออกมาจากตัวท่านเองในช่วงนี้
*มุมดีๆ อันที่ห้า*…. เกือบทุกบริษัท จะเริ่มให้ความสำคัญ ให้ความใส่ใจกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น (ไม่ใช่ให้ความสำคัญแต่ปากแต่ปฏิบัติอีกอย่างในช่วงที่ลูกค้าหาง่าย) เมื่อลองได้ใกล้ชิดและใส่ใจกับลูกค้าแต่ละรายมากยิ่งขึ้น ก็จะเริ่มค้นพบปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของลูกค้ามากยิ่งขึ้น นั่นก็คือโอกาสที่หาได้ยากในภาวะปรกติ
*มุมดีๆ อันที่หก*… หลายๆ บริษัทจะสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในเรื่องของสินค้า เพราะค้นพบแล้วว่า สินค้าเดิมไม่มีเสน่ห์พอที่จะดึงดูดลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ๆ ให้มาสนใจ สินค้าใหม่ หรือนวัตกรรมใหม่คือโอกาสที่เกิดจากวิกฤติ
*มุมดีๆ อันที่เจ็ด*… หลายๆ บริษัทจะเริ่มยกระดับการให้บริการ จากเดิมที่ล่าช้าก็ทำให้เร็วขึ้น จากเดิมที่ไม่มีความแตกต่างกับคู่แข่งก็จะสร้างมาตรฐานใหม่ในเรื่องการบริ การ และบางบริษัทที่เก่งก็จะค้นพบว่า บริการที่ดีสามารถสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นอย่างทันที
*มุมดีๆ ที่แปด*…หลายๆ บริษัทจะเริ่มค้นพบแล้วว่า…ทีมงานทุกหน่วยงานในองค์กร ใครคือทีมงานที่สร้างคุณค่าให้กับหน่วยงานและองค์กร ใครคือทีมงานที่จะเป็นกำลังหลักในการร่วมกันนำองค์กรฝ่าฟันภาวะวิกฤติ และใครคือทีมงานที่…มักจะเอาตัวรอดหรือโดดหนีทันทีเมื่อเจอพายุกระหน่ำ
มุมดีๆ ยังมีมากกว่านี้…แต่เพียงแค่นี้ ผมก็คิดว่า คุ้มค่าแล้วครับที่เราจะมอง "วิกฤติที่กำลังเกิดขึ้น"ในมุมใหม่ ในทางสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น แทนที่จะมานั่งตกอกตกใจแบบกระต่ายตื่นกลัว เสียเวลาเปล่าๆ
เอาเวลาที่จะไปคิดปลดคนก่อนที่จะแก้ไข หรือใช้ศักยภาพคนที่มีอยู่ เอาเวลาที่จะไปนั่งอ่านข่าวแล้วตกใจแบบไร้สติมาคิดมาหา
มามองมุมดีๆ อย่างจริงจังกันดีกว่า..
เพราะถ้ายิ่งมองช้าหรือหาไม่พบ..ก็อาจจะพบจุดจบเหมือนหลายๆ ธุรกิจที่กำลังเป็นก็ได้นะครับ
เรื่อง : ธีรพล แซ่ตั้ง
Wednesday, November 5, 2008
ไหว้พระ 9 วัด
"การเริ่มต้นที่ดี คือส่วนหนึ่งของความสำเร็จ" จากคติดังกล่าว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงได้จัดทำกิจกรรม "ไหว้พระขอพร ๙ พระอารามหลวง" ขึ้น เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สนใจได้เดินทางท่องเที่ยวสักการะสถานที่อันเป็นมงคล เพื่อการเริ่มต้นอย่างมีความสุขสงบทางใจ ตามคติความเชื่อของไทย อีกทั้งยังเป็นการเรียนรู้ถึงคุณค่าของโบราณสถานที่สำคัญของเกาะรัตนโกสินทร์และบริเวณโดยรอบอีกด้วย
ต้นสายปลายเหตุของกิจกรรม "ไหว้พระ 9 วัด" เกิดจากการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย (ททท.) ได้รับมอบหมายในเชิงนโยบาย ให้จัดถวายความรู้แด่พระสงฆ์ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 200 รูป "ในการพัฒนาวัดให้เป็นแหล่ง ท่องเที่ยว ในอนาคตที่ยั่งยืนได้อย่างไร" โดยเดินทางไปศึกษาวัดและโบราณสถานที่มีความพร้อมในการพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ค่อนข้างสมบรูณ์ ในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นตัวอย่างในการจัดกิจกรรมถวายความรู้แด่พระสงฆ์เบื้องต้นครั้งแรก จำนวน 9 แหล่ง อันประกอบด้วย ศาลหลักเมือง วัดใหญ่ชัยมงคล วัดพนัญเชิง วัดภูเขาทอง วัดบรมวงศ์อิศรวราราม วัดหน้าพระเมรุ วัดพุทไธศวรรย์ วัดโลกยสุธาราม วิหารพระมงคลบพิตร (สาเหตุที่ใช้เลข 9 เพราะเป็นหมายเลขที่เป็นสิริมงคลของคนไทยและโครงการนี้ถือว่าก่อกำเนิดในยุคสมัยรัชกาลที่ 9 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
หลังจากการถวายความรู้แด่พระสงฆ์ในครั้งนั้น ได้มีการนำเสนอข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ว่า ททท. จัดกิจกรรม "ไหว้พระ 9 วัด" เพื่อเสริมสิริมงคลและส่งเสริมการท่องเที่ยว ต่อมาก็มีเสียงเรียกร้องจากบรรดานักท่องเที่ยวกลุ่ม ส.ว. (สูงวัยหรือสูงอายุ) มีความต้องการจะเดินทางท่องเที่ยวตามโปรแกรมไหว้ 9 วัด ตามเส้นทางที่ ททท.จัดถวายความรู้แด่พระสงฆ์มากขึ้น และได้มีบริษัททัวร์ริเริ่มจัดไหว้พระ 9 วัด ในโปรแกรมต่างๆ ในหลายทางเลือกไว้ให้บริการมากขึ้นเช่นกัน
ต่อมาปี พ.ศ. 2545 ททท.ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ทำโครงการ "เที่ยวทั่วไทย ไปได้ทุกเดือน"
โดยเน้นการส่งเสริมการตลาดเพื่อเป็นการกระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น ดังนั้น จึงเลือกทำกิจกรรม "ไหว้พระ 9 วัด" หรือ "ไหว้พระขอพร 9 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์" เป็นการจัดกิจกรรมนำร่องขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมครั้งแรกในแหล่งท่องเที่ยวรอบเกาะกรุงรัตนโกสินทร์ กรุงเทพมหานคร เพื่อก่อให้เกิดการตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในระยะยาวตลอดทั้งปีต่อไปอย่างถาวร ซึ่งในระยะแรกนั้น ททท. เน้นการประชาสัมพันธ์ จัดทำเอกสารคู่มือที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางด้วยตนเองพร้อมจัดทัวร์โปรแกรมพิเศษ เชิญ VIP ศิลปินดารานักแสดงต่าง ๆ ตัวแทนบริษัทนำเที่ยว สื่อมวลชน ร่วมเดินทางทำกิจกรรม "ไหว้พระ 9 วัด" กระตุ้นตลาดในช่วงเทศกาลสำคัญ ๆ เช่น งานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ งานตรุษจีน งานสงกรานต์ เป็นต้น
ในเชิงการตลาดและประชาสัมพันธ์เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวชาวไทยทุกกลุ่มอายุและขยายผลสู่นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ (โดยเฉพาะชาวเอเชียที่ชอบท่องเที่ยวในเชิงศาสนา-วัฒนธรรม) ระยะยาวอย่างต่อเนื่องในอนาคต ททท. จึงได้จัดทำเอกสารคู่มือทำกิจกรรม "ไหว้พระ 9 วัด" ไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวจำนวน 3 ภาษา คือไทย อังกฤษ จีน อนึ่งเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ ง่ายต่อการบอกต่อ ๆ กันไปสำหรับการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ จึงได้สร้างจุดเด่นและจุดขาย เป็น “คติ” ของสถานที่แต่ละแหล่งที่เราเลือกขึ้นมาใช้เป็นจุดขายสร้างกระแสโน้มน้าวกระตุ้นให้คนเลือกตัดสินใจเดินทางเข้าไปท่องเที่ยว "ไหว้พระ 9 วัด" ในวัดและสถานที่ต่าง ๆ บริเวณเกาะกรุงรัตนโกสินทร์ กรุงเทพมหานคร ดังนี้
ในลำดับมาได้มีการปรับเปลี่ยนสถานที่ไปบ้างบางแห่งเพื่อเอาใจสำหรับกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทย จึงได้ปรับเลือกใช้วัดบวรนิเวศวิหาร และวัดสระเกศ แทน ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร และศาลเจ้าพ่อเสือ เพื่อเป็นการต่อยอดและสร้างทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการ “ไหว้พระ (จริงๆทั้ง) 9 วัด” ททท. จึงได้ปรับเปลี่ยนชื่อใหม่เพื่อให้ดูยิ่งใหญ่และขลังขึ้นกว่าเดิม เป็น “ไหว้พระขอพรเก้าพระอารามหลวง”
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)
มีคติว่า “แก้วแหวนเงินทองไหลมาเทมา” หรือ “เพื่อจิตใจสะอาด ดุจรัตนตรัย” วัดกัลยาณมิตร
มีคติว่า “เดินทางปลอดภัย มีมิตรไมตรีที่ดี” วัดชนะสงคราม
มีคติว่า “มีชัยชนะต่ออุปสรรคทั้งปวง” วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)
มีคติว่า “ร่มเย็นเป็นสุข”
วัดระฆังโฆสิตาราม
มีคติว่า “มีคนนิยมชมชื่น”
วัดสุทัศนเทพวราราม
มีคติว่า “มีวิสัยทัศนกว้างไกลมีเสน่ห์แก่บุคคลทั่วไป”
วัดอรุณราชวราราม (วัดแจ้ง)
มีคติว่า “ชีวิตรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน”
ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร
มีคติว่า “ตัดเคราะห์ต่อชะตาเสริมวาสนาบารมี”
ศาลเจ้าพ่อเสือ
มีคติว่า “เสริมอำนาจบารมี”
วัดบวรนิเวศวิหาร
มีคติว่า “พบแต่สิ่งที่ดีงามในชีวิต”
วัดสระเกศ
มีคติว่า “เสริมสร้างความคิดอันเป็นสิริมงคล”
กิจกรรม “ไหว้พระ 9 วัด” ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาขยายผลและต่อยอดการจัดกิจกรรมลักษณะนี้อย่างจริงจังหลายรูปแบบ โดยเจ้าของสถานที่และหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ทำการจัดกิจกรรมไหว้พระ 9 วัด กระจายตัวไปตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศและสร้างจุดขายเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวมีสีสันความเชื่อและมีเสน่ห์แตกต่างกันออกไป
มักจะพบเห็นเด็ก ๆ วัยรุ่น หนุ่ม สาว ในปัจจุบันจูงมือกันเข้าวัดทำบุญบริจาคทานทำให้จิตใจ สุขสงบเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งนั้นหมายถึงการท่องเที่ยว “ไหว้พระ 9 วัด” ก่อให้เกิดมิติการเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของแหล่งท่องเที่ยวนั้น ๆ สร้าง-เสริม แลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้กับชีวิตทั้งทางตรงและทางอ้อม นี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในการปลูกฝังวัฒนธรรมไทย และค่านิยมให้กับเด็ก ๆ วัยรุ่น วัยทำงาน สนใจเดินทางเข้าวัดมากขึ้นกว่าเดิมแทนที่จะมีแต่เพียงกลุ่ม ส.ว. (สูงวัย หรือ สูงอายุ) เข้าวัดเท่านั้น ทั้งนี้ทำให้ เกิดการพัฒนาต่อยอดรูปแบบการท่องเที่ยวในเชิงศาสนา ศิลปวัฒนธรรม และโบราณสถาน เพื่อแสวงหาความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ชำระจิตใจให้ผ่องแผ้ว ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างสรรค์กิจกรรมอันเป็นพรชัยแก่การเริ่มต้นที่ดีพบแต่สิ่งที่ดีงามให้กับชีวิตในการก้าวต่อไปใน อนาคต........ทำให้ท่องเที่ยวแล้วมีความสุข (อิ่มบุญ)............นี่คือความเป็นมาของ “ต้นตำรับ...ไหว้พระ 9 วัด”ข้อมูลและภาพจาก : ไหว้พระ 9 วัด
FRoM.http://guru.sanook.com/pedia/topic/%E4%CB%C7%E9%BE%C3%D0_9_%C7%D1%B4/
ต้นสายปลายเหตุของกิจกรรม "ไหว้พระ 9 วัด" เกิดจากการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย (ททท.) ได้รับมอบหมายในเชิงนโยบาย ให้จัดถวายความรู้แด่พระสงฆ์ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 200 รูป "ในการพัฒนาวัดให้เป็นแหล่ง ท่องเที่ยว ในอนาคตที่ยั่งยืนได้อย่างไร" โดยเดินทางไปศึกษาวัดและโบราณสถานที่มีความพร้อมในการพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ค่อนข้างสมบรูณ์ ในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นตัวอย่างในการจัดกิจกรรมถวายความรู้แด่พระสงฆ์เบื้องต้นครั้งแรก จำนวน 9 แหล่ง อันประกอบด้วย ศาลหลักเมือง วัดใหญ่ชัยมงคล วัดพนัญเชิง วัดภูเขาทอง วัดบรมวงศ์อิศรวราราม วัดหน้าพระเมรุ วัดพุทไธศวรรย์ วัดโลกยสุธาราม วิหารพระมงคลบพิตร (สาเหตุที่ใช้เลข 9 เพราะเป็นหมายเลขที่เป็นสิริมงคลของคนไทยและโครงการนี้ถือว่าก่อกำเนิดในยุคสมัยรัชกาลที่ 9 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
หลังจากการถวายความรู้แด่พระสงฆ์ในครั้งนั้น ได้มีการนำเสนอข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ว่า ททท. จัดกิจกรรม "ไหว้พระ 9 วัด" เพื่อเสริมสิริมงคลและส่งเสริมการท่องเที่ยว ต่อมาก็มีเสียงเรียกร้องจากบรรดานักท่องเที่ยวกลุ่ม ส.ว. (สูงวัยหรือสูงอายุ) มีความต้องการจะเดินทางท่องเที่ยวตามโปรแกรมไหว้ 9 วัด ตามเส้นทางที่ ททท.จัดถวายความรู้แด่พระสงฆ์มากขึ้น และได้มีบริษัททัวร์ริเริ่มจัดไหว้พระ 9 วัด ในโปรแกรมต่างๆ ในหลายทางเลือกไว้ให้บริการมากขึ้นเช่นกัน
ต่อมาปี พ.ศ. 2545 ททท.ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ทำโครงการ "เที่ยวทั่วไทย ไปได้ทุกเดือน"
โดยเน้นการส่งเสริมการตลาดเพื่อเป็นการกระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น ดังนั้น จึงเลือกทำกิจกรรม "ไหว้พระ 9 วัด" หรือ "ไหว้พระขอพร 9 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์" เป็นการจัดกิจกรรมนำร่องขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมครั้งแรกในแหล่งท่องเที่ยวรอบเกาะกรุงรัตนโกสินทร์ กรุงเทพมหานคร เพื่อก่อให้เกิดการตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในระยะยาวตลอดทั้งปีต่อไปอย่างถาวร ซึ่งในระยะแรกนั้น ททท. เน้นการประชาสัมพันธ์ จัดทำเอกสารคู่มือที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางด้วยตนเองพร้อมจัดทัวร์โปรแกรมพิเศษ เชิญ VIP ศิลปินดารานักแสดงต่าง ๆ ตัวแทนบริษัทนำเที่ยว สื่อมวลชน ร่วมเดินทางทำกิจกรรม "ไหว้พระ 9 วัด" กระตุ้นตลาดในช่วงเทศกาลสำคัญ ๆ เช่น งานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ งานตรุษจีน งานสงกรานต์ เป็นต้น
ในเชิงการตลาดและประชาสัมพันธ์เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวชาวไทยทุกกลุ่มอายุและขยายผลสู่นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ (โดยเฉพาะชาวเอเชียที่ชอบท่องเที่ยวในเชิงศาสนา-วัฒนธรรม) ระยะยาวอย่างต่อเนื่องในอนาคต ททท. จึงได้จัดทำเอกสารคู่มือทำกิจกรรม "ไหว้พระ 9 วัด" ไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวจำนวน 3 ภาษา คือไทย อังกฤษ จีน อนึ่งเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ ง่ายต่อการบอกต่อ ๆ กันไปสำหรับการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ จึงได้สร้างจุดเด่นและจุดขาย เป็น “คติ” ของสถานที่แต่ละแหล่งที่เราเลือกขึ้นมาใช้เป็นจุดขายสร้างกระแสโน้มน้าวกระตุ้นให้คนเลือกตัดสินใจเดินทางเข้าไปท่องเที่ยว "ไหว้พระ 9 วัด" ในวัดและสถานที่ต่าง ๆ บริเวณเกาะกรุงรัตนโกสินทร์ กรุงเทพมหานคร ดังนี้
ในลำดับมาได้มีการปรับเปลี่ยนสถานที่ไปบ้างบางแห่งเพื่อเอาใจสำหรับกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทย จึงได้ปรับเลือกใช้วัดบวรนิเวศวิหาร และวัดสระเกศ แทน ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร และศาลเจ้าพ่อเสือ เพื่อเป็นการต่อยอดและสร้างทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการ “ไหว้พระ (จริงๆทั้ง) 9 วัด” ททท. จึงได้ปรับเปลี่ยนชื่อใหม่เพื่อให้ดูยิ่งใหญ่และขลังขึ้นกว่าเดิม เป็น “ไหว้พระขอพรเก้าพระอารามหลวง”
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)
มีคติว่า “แก้วแหวนเงินทองไหลมาเทมา” หรือ “เพื่อจิตใจสะอาด ดุจรัตนตรัย” วัดกัลยาณมิตร
มีคติว่า “เดินทางปลอดภัย มีมิตรไมตรีที่ดี” วัดชนะสงคราม
มีคติว่า “มีชัยชนะต่ออุปสรรคทั้งปวง” วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)
มีคติว่า “ร่มเย็นเป็นสุข”
วัดระฆังโฆสิตาราม
มีคติว่า “มีคนนิยมชมชื่น”
วัดสุทัศนเทพวราราม
มีคติว่า “มีวิสัยทัศนกว้างไกลมีเสน่ห์แก่บุคคลทั่วไป”
วัดอรุณราชวราราม (วัดแจ้ง)
มีคติว่า “ชีวิตรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน”
ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร
มีคติว่า “ตัดเคราะห์ต่อชะตาเสริมวาสนาบารมี”
ศาลเจ้าพ่อเสือ
มีคติว่า “เสริมอำนาจบารมี”
วัดบวรนิเวศวิหาร
มีคติว่า “พบแต่สิ่งที่ดีงามในชีวิต”
วัดสระเกศ
มีคติว่า “เสริมสร้างความคิดอันเป็นสิริมงคล”
กิจกรรม “ไหว้พระ 9 วัด” ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาขยายผลและต่อยอดการจัดกิจกรรมลักษณะนี้อย่างจริงจังหลายรูปแบบ โดยเจ้าของสถานที่และหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ทำการจัดกิจกรรมไหว้พระ 9 วัด กระจายตัวไปตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศและสร้างจุดขายเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวมีสีสันความเชื่อและมีเสน่ห์แตกต่างกันออกไป
มักจะพบเห็นเด็ก ๆ วัยรุ่น หนุ่ม สาว ในปัจจุบันจูงมือกันเข้าวัดทำบุญบริจาคทานทำให้จิตใจ สุขสงบเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งนั้นหมายถึงการท่องเที่ยว “ไหว้พระ 9 วัด” ก่อให้เกิดมิติการเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของแหล่งท่องเที่ยวนั้น ๆ สร้าง-เสริม แลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้กับชีวิตทั้งทางตรงและทางอ้อม นี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในการปลูกฝังวัฒนธรรมไทย และค่านิยมให้กับเด็ก ๆ วัยรุ่น วัยทำงาน สนใจเดินทางเข้าวัดมากขึ้นกว่าเดิมแทนที่จะมีแต่เพียงกลุ่ม ส.ว. (สูงวัย หรือ สูงอายุ) เข้าวัดเท่านั้น ทั้งนี้ทำให้ เกิดการพัฒนาต่อยอดรูปแบบการท่องเที่ยวในเชิงศาสนา ศิลปวัฒนธรรม และโบราณสถาน เพื่อแสวงหาความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ชำระจิตใจให้ผ่องแผ้ว ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างสรรค์กิจกรรมอันเป็นพรชัยแก่การเริ่มต้นที่ดีพบแต่สิ่งที่ดีงามให้กับชีวิตในการก้าวต่อไปใน อนาคต........ทำให้ท่องเที่ยวแล้วมีความสุข (อิ่มบุญ)............นี่คือความเป็นมาของ “ต้นตำรับ...ไหว้พระ 9 วัด”ข้อมูลและภาพจาก : ไหว้พระ 9 วัด
FRoM.http://guru.sanook.com/pedia/topic/%E4%CB%C7%E9%BE%C3%D0_9_%C7%D1%B4/
รถชน!!!.....อย่าตกใจ-ทำอย่างไรดี
From.........http://webboard.formula1.sanook.com/forum/?topic=2563116
อุบัติเหตุบนท้องถนน มีให้เห็นได้เสมอทุกวัน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสารพัดตลอดทั้งปีของบ้านเรา มีทั้งบาดเจ็บเล็กน้อย กระทั่งเสียชีวิต อีกกรณีก็คือพวกที่ชอบ "ชนแล้วหนี" มีให้เห็นตามข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์แทบทุกวัน ซึ่งฟังแล้วทำให้รู้สึกว่าคนสมัยนี้ขาดความรับผิดชอบและประมาทกันมาก เมื่อเกิดเหตุการณ์ก็มักจะตกใจจนไม่มีสติไม่รู้จะทำอย่างไรดี ที่สำคัญอุบัติเหตุบนท้องถนนยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆของคนไทยด้วย แต่เมื่อห้ามกันไม่ได้หากจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น ตัวคุณไม่ว่าจะเป็นผู้ขับ ผู้โดยสาร หรือผู้พบเห็นเหตุการณ์ก็ตามลองมาดูแนวทางปฏิบัติที่นำมาให้อ่านกัน 1 ถ้าเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ ควรช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ ตามสมควรและเราจะต้องแสดงตัวเป็นพลเมืองดีโดยยินดีที่จะเป็นพยานในคดีให้ สมมุติว่าเราเห็นคนคันหนึ่งชนคนแล้วหนีสิ่งที่เราควรทำก็คือพยายามจดจำทะเบียนรถ ชื่อยี่ห้อ สีรถแล้วรีบแจ้งตำรวจทราบ เพื่อติดตามจับกุมต่อไป มีบางคนถึงกับขับรถตามไปคนประเภทนี้ควรได้รับการยกย่องว่าเป็นคนดีต่อสังคม 2 ถ้าท่านเป็นคนเจ็บเพราะรถชน สิ่งแรกที่ควรทำก็คือท่านต้องร้องให้คนอื่นช่วย ถ้าท่านยังมีสติอยู่ เพราะว่าคนที่มามุงดูอาจจะไม่ทราบว่าท่านบาดเจ็บร้ายแรงเพียงใดหากท่านยังสามารถพูดได้ก็ขอให้บอกว่าเจ็บที่ตรงส่วนใดเพื่อจะได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ส่วนเรื่องคดีนั้นเอาไว้พิจารณาทีหลัง หากเราบาดเจ็บเล็กน้อยและไม่มีพยานในที่เกิดเหตุเราควรจดทะเบียนรถไว้ เผื่อไปเรียกร้องค่าเสียหายที่หลัง 3 ถ้าท่านเป็นผู้ขับ กรณีนี้อย่าหนีเป็นอันขาดเพราะความผิดฐานขับรถประมาทนั้นไม่ใช่เรื่องเจตนา ผู้กระทำผิดไม่ใช่อาชญากร โทษก็ไม่มากมายอะไรควรจะอยู่เพื่อต่อสู้กับความจริง มิฉะนั้นท่านจะต้องหลบหนีนานถึง 15 ปี ถ้าท่านขับรถชนคนเสียชีวิต แต่ถ้าท่านมอบตัวสู้คดีบางทีท่านก็ไม่มีความผิด หรือมีความผิดศาลก็ปรานีลดโทษให้ ถ้าท่านมีน้ำใจ หน้าที่ของคนขับรถเมื่อเกิดรถชนกันนั้น กฎหมายกำหนดดังนี้ 3.1 ต้องหยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควร เช่น ขับรถชนคนก็ต้องหยุดรถช่วยเหลือคนที่ถูกชน นำส่งโรงพยาบาล 3.2 ต้องไปแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที คือต้องรีบแจ้งตำรวจใกล้เคียงทันที แต่ต้องบอกด้วยว่าเราเป็นคนขับรถอะไร 3.3 แจ้งชื่อตัว ชื่อสกุล ที่อยู่หมายเลขทะเบียนรถแก่ผู้เสียหาย 3.4 ถ้าเป็นผู้ขับขี่ที่หลบหนีหรือไม่แสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่กฎหมายให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้กระทำผิดและตำรวจมีอำนาจยึดรถไว้จนกว่าจะได้ตัวผู้ขับขี่หรือจนกว่าคดีจะถึงที่สิ้นสุด 3.5 ถ้าคนขับคนใดไม่ปฏิบัติตามกฎข้อ 1, 2 และ 3 แล้วจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท แต่ถ้าคนที่ถูกชนบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตต้องจำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท 4 ถ้ารถท่านมีประกันก็ต้องรีบแจ้งต่อบริษัทประกันทันที เพราะบริษัทประกันจะมีเจ้าหน้าที่มาตามที่เกิดเหตุ พร้อมกับทำแผนที่เกิดเหตุไว้พร้อมเพื่อเอาไว้สู้คดี 5 ถ้ามีกล้องถ่ายรูปต้องรีบถ่ายรูปรถไว้ทันที นอกจากนี้ยังต้องถ่ายรายละเอียดต่างๆไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่เกิดเหตุ ความเสียหายตามจุดต่างๆของรถ รวมถึงรถของคู่กรณี หรือหากว่ามีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุก็ให้ขอรูปจากมูลนิธิที่ทำการเก็บภาพไว้เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีในภายหลัง 6 ควรช่วยเหลือคนเจ็บ หรือค่าทำศพของผู้เสียชีวิต เรื่องนี้สำคัญมากๆคนขับรถมักไม่ค่อยเห็นประโยชน์ ของการช่วยเหลือเหล่านี้ความจริงเมื่อคุณขับรถชนคนเสียชีวิต หรือบาดเจ็บหรือขับรถโดยประมาทนั้นมีโทษทางอาญฟา - ทางอาญา คุณอาจจะต้องรับโทษจำคุก - ทางแพ่ง คุณจะต้องชดเชยค่าเสียหายค่าบาดเจ็บ ค่าทำศพให้กับคู่กรณี หากคุณช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ไม่ชนแล้วหนี ต่อมาเมื่อเรื่องถึงศาล ศาลก็จะเห็นถึงความมีน้ำใจของคุณก็อาจจะรอลงอาญาให้เราโดยไม่จำคุกเรา แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าคุณหนีศาลมักจะให้จำคุกเลยเพราะเห็นว่าคุณเป็นคนแล้งน้ำใจ การตกลงใช้ค่าเสียหายให้คนเจ็บก็มีประโยชน์มาก ยกตัวอย่างเช่นถ้าไม่พยายามตกลงใช้ค่าเสียหายให้กับคนเจ็บ ตำรวจเขาจะมีระเบียบไว้ว่าไม่ให้คืนของกลางให้แก่ผู้ต้องหาจนกว่าผู้ต้องหาจะพยายามตกลงกับผู้เสียหายและถ้าคุณยอมชดเชยค่าเสียหายและค่าทำศพให้กับผู้เสียหาย คดีแพ่งก็ระงับเพราะถือว่ายอมความคดีแพ่งกันแล้ว จะฟ้องเรียกค่าเสียหายคุณในทางแพ่งไม่ได้อีกแล้ว ทั้งนี้การใช้รถใช้ถนนร่วมกันให้ดีขึ้นนั้น เราทุกคนควรขับรถอย่างมีสติไม่ประมาทและมีน้ำใจให้แก่กัน เพียงเท่านี้อุบัติเหตุก็จะไม่เกิดขึ้นแล้ว ข้อมูลดีๆจากหนังสือ เชฟวี่ ทอล์ค
อุบัติเหตุบนท้องถนน มีให้เห็นได้เสมอทุกวัน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสารพัดตลอดทั้งปีของบ้านเรา มีทั้งบาดเจ็บเล็กน้อย กระทั่งเสียชีวิต อีกกรณีก็คือพวกที่ชอบ "ชนแล้วหนี" มีให้เห็นตามข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์แทบทุกวัน ซึ่งฟังแล้วทำให้รู้สึกว่าคนสมัยนี้ขาดความรับผิดชอบและประมาทกันมาก เมื่อเกิดเหตุการณ์ก็มักจะตกใจจนไม่มีสติไม่รู้จะทำอย่างไรดี ที่สำคัญอุบัติเหตุบนท้องถนนยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆของคนไทยด้วย แต่เมื่อห้ามกันไม่ได้หากจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น ตัวคุณไม่ว่าจะเป็นผู้ขับ ผู้โดยสาร หรือผู้พบเห็นเหตุการณ์ก็ตามลองมาดูแนวทางปฏิบัติที่นำมาให้อ่านกัน 1 ถ้าเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ ควรช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ ตามสมควรและเราจะต้องแสดงตัวเป็นพลเมืองดีโดยยินดีที่จะเป็นพยานในคดีให้ สมมุติว่าเราเห็นคนคันหนึ่งชนคนแล้วหนีสิ่งที่เราควรทำก็คือพยายามจดจำทะเบียนรถ ชื่อยี่ห้อ สีรถแล้วรีบแจ้งตำรวจทราบ เพื่อติดตามจับกุมต่อไป มีบางคนถึงกับขับรถตามไปคนประเภทนี้ควรได้รับการยกย่องว่าเป็นคนดีต่อสังคม 2 ถ้าท่านเป็นคนเจ็บเพราะรถชน สิ่งแรกที่ควรทำก็คือท่านต้องร้องให้คนอื่นช่วย ถ้าท่านยังมีสติอยู่ เพราะว่าคนที่มามุงดูอาจจะไม่ทราบว่าท่านบาดเจ็บร้ายแรงเพียงใดหากท่านยังสามารถพูดได้ก็ขอให้บอกว่าเจ็บที่ตรงส่วนใดเพื่อจะได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ส่วนเรื่องคดีนั้นเอาไว้พิจารณาทีหลัง หากเราบาดเจ็บเล็กน้อยและไม่มีพยานในที่เกิดเหตุเราควรจดทะเบียนรถไว้ เผื่อไปเรียกร้องค่าเสียหายที่หลัง 3 ถ้าท่านเป็นผู้ขับ กรณีนี้อย่าหนีเป็นอันขาดเพราะความผิดฐานขับรถประมาทนั้นไม่ใช่เรื่องเจตนา ผู้กระทำผิดไม่ใช่อาชญากร โทษก็ไม่มากมายอะไรควรจะอยู่เพื่อต่อสู้กับความจริง มิฉะนั้นท่านจะต้องหลบหนีนานถึง 15 ปี ถ้าท่านขับรถชนคนเสียชีวิต แต่ถ้าท่านมอบตัวสู้คดีบางทีท่านก็ไม่มีความผิด หรือมีความผิดศาลก็ปรานีลดโทษให้ ถ้าท่านมีน้ำใจ หน้าที่ของคนขับรถเมื่อเกิดรถชนกันนั้น กฎหมายกำหนดดังนี้ 3.1 ต้องหยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควร เช่น ขับรถชนคนก็ต้องหยุดรถช่วยเหลือคนที่ถูกชน นำส่งโรงพยาบาล 3.2 ต้องไปแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที คือต้องรีบแจ้งตำรวจใกล้เคียงทันที แต่ต้องบอกด้วยว่าเราเป็นคนขับรถอะไร 3.3 แจ้งชื่อตัว ชื่อสกุล ที่อยู่หมายเลขทะเบียนรถแก่ผู้เสียหาย 3.4 ถ้าเป็นผู้ขับขี่ที่หลบหนีหรือไม่แสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่กฎหมายให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้กระทำผิดและตำรวจมีอำนาจยึดรถไว้จนกว่าจะได้ตัวผู้ขับขี่หรือจนกว่าคดีจะถึงที่สิ้นสุด 3.5 ถ้าคนขับคนใดไม่ปฏิบัติตามกฎข้อ 1, 2 และ 3 แล้วจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท แต่ถ้าคนที่ถูกชนบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตต้องจำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท 4 ถ้ารถท่านมีประกันก็ต้องรีบแจ้งต่อบริษัทประกันทันที เพราะบริษัทประกันจะมีเจ้าหน้าที่มาตามที่เกิดเหตุ พร้อมกับทำแผนที่เกิดเหตุไว้พร้อมเพื่อเอาไว้สู้คดี 5 ถ้ามีกล้องถ่ายรูปต้องรีบถ่ายรูปรถไว้ทันที นอกจากนี้ยังต้องถ่ายรายละเอียดต่างๆไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่เกิดเหตุ ความเสียหายตามจุดต่างๆของรถ รวมถึงรถของคู่กรณี หรือหากว่ามีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุก็ให้ขอรูปจากมูลนิธิที่ทำการเก็บภาพไว้เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีในภายหลัง 6 ควรช่วยเหลือคนเจ็บ หรือค่าทำศพของผู้เสียชีวิต เรื่องนี้สำคัญมากๆคนขับรถมักไม่ค่อยเห็นประโยชน์ ของการช่วยเหลือเหล่านี้ความจริงเมื่อคุณขับรถชนคนเสียชีวิต หรือบาดเจ็บหรือขับรถโดยประมาทนั้นมีโทษทางอาญฟา - ทางอาญา คุณอาจจะต้องรับโทษจำคุก - ทางแพ่ง คุณจะต้องชดเชยค่าเสียหายค่าบาดเจ็บ ค่าทำศพให้กับคู่กรณี หากคุณช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ไม่ชนแล้วหนี ต่อมาเมื่อเรื่องถึงศาล ศาลก็จะเห็นถึงความมีน้ำใจของคุณก็อาจจะรอลงอาญาให้เราโดยไม่จำคุกเรา แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าคุณหนีศาลมักจะให้จำคุกเลยเพราะเห็นว่าคุณเป็นคนแล้งน้ำใจ การตกลงใช้ค่าเสียหายให้คนเจ็บก็มีประโยชน์มาก ยกตัวอย่างเช่นถ้าไม่พยายามตกลงใช้ค่าเสียหายให้กับคนเจ็บ ตำรวจเขาจะมีระเบียบไว้ว่าไม่ให้คืนของกลางให้แก่ผู้ต้องหาจนกว่าผู้ต้องหาจะพยายามตกลงกับผู้เสียหายและถ้าคุณยอมชดเชยค่าเสียหายและค่าทำศพให้กับผู้เสียหาย คดีแพ่งก็ระงับเพราะถือว่ายอมความคดีแพ่งกันแล้ว จะฟ้องเรียกค่าเสียหายคุณในทางแพ่งไม่ได้อีกแล้ว ทั้งนี้การใช้รถใช้ถนนร่วมกันให้ดีขึ้นนั้น เราทุกคนควรขับรถอย่างมีสติไม่ประมาทและมีน้ำใจให้แก่กัน เพียงเท่านี้อุบัติเหตุก็จะไม่เกิดขึ้นแล้ว ข้อมูลดีๆจากหนังสือ เชฟวี่ ทอล์ค
6 วิธีที่ฝ่ายชายบอกรักคุณโดยไม่ต้องพูดว่า ผมรักคุณ
จะเป็นเพราะว่า ผู้ชายอายเกินไป ที่จะบอกรักออกมาเป็นคำพูด หรือว่าใจเสาะ อันนี้ก็ไม่แน่ใจ แต่สำหรับผู้ชายปากแข็งอย่างนี้ เราจะรู้ได้ยังไงหล่ะ ว่าเขารักเราหรือเปล่า วิธีจับสังเกตุง่ายๆ 6 วิธี
1.คุณจับได้ว่าเขาจ้องมองตาคุณอยู่ปกติผู้ชายมักจะจ้องมองสิ่งที่เขาปรารถนาอยู่เสมอ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมเราจึงเห็นผู้ชายแอบมองหน้าอกของผู้หญิง หรือวิจารณ์หน้าอกของผู้หญิงอยู่บ่อยๆ วิธีการมองที่บอกว่า "ผมรักคุณ" นั้นมีอยู่สองแบบ แบบแรกคือการแอบมองคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว (เพราะฉะนั้นแอบจับเขาให้ได้หล่ะ) แบบที่สองคือ จ้องมองคุณอย่างแน่วแน่ในระหว่างที่พูดคุยกัน
2. เขาตุนของโปรดของคุณไว้ในตู้เย็นหรือในครัวที่บ้านเขานั่นแสดงให้เห็นว่าเขานึกถึงแต่ความสุขของคุณอยู่เสมอ ก็ความสุขอย่างนึงของผู้หญิงก็คือการกินยังไงหล่ะ ฉะนั้นลองสังเกตุเวลาที่เค้าไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เกต แล้วลองดูรายการที่เค้าเลือกหยิบ ถ้ามันมีแต่มัชเมโล คิตตี้แคท หรือโยเกริ์ตรสชาติโปรดของคุณ มากกว่าของส่วนตัวของเขาหล่ะก็ นั่นแหละสิ่งบอกความในใจหล่ะค่ะ และยิ่งไปกว่านั้นนะคะ การตุนของหมายถึงการประกาศให้คนรอบข้าง หรือสาธารณชนรู้ถึงความสำคัญของคุณ ปกติแล้วผู้ชายที่ยังไม่ยอมลงหลักปักฐานกับใคร จะไม่ค่อยซื้อของพวกเนี้ยไปเก็บไว้ที่บ้านหรอกค่ะ ทำไมเหรอคะ ก็กลัวสาวอื่นจะมาเห็นยังไงหล่ะ
3. เขาเริ่มพูดถึงอนาคตถ้าวันดีคืนดีเขาพูดกับคุณถึงเรื่องอีก 3 ปีข้างหน้า ชีวิตเค้าจะเป็นอย่างไร หรือเค้าอยากมีบ้านแบบไหน มันเป็นการบอกความนัยว่าเขาอยากร่วมชีวิตกับคุณ อยากให้คุณวาดฝันที่จะได้ไปอยู่กับเขาหรือมีอนาคตที่เหมือนกับเขา และยิ่งถ้าเขาถามความเห็นของคุณด้วยหล่ะก็ นั่นหมายถึงสัมพันธภาพของคุณไปได้อีกยาวแน่ๆ
4. เขาใส่เสื้อผ้าที่คุณซื้อให้ตลอดเวลาทุกครั้งที่ผู้ชายใส่เสื้อผ้าที่เห็นได้ชัดว่าเค้าไม่ได้เป็นคนเลือกเอง นั่นหมายถึงเขากำลังแสดงให้เห็นว่าเขาปล่อยให้คุณเป็นผู้ควบคุม และเปลี่ยนแปลงโฉมให้เขา มันถือว่าเป็นการแสดงออกที่กล้าหาญอย่างมากเชียวนะคะ กับการที่จะถูกเพื่อนๆ โสดของเขาล้อเลียนเกี่ยวกับเรื่องการแต่งตัวที่เปลี่ยนไป
5. เขาชอบยืนเบียดไหล่กับคุณผู้ชายถ้าไม่อยากให้สัมพันธภาพยืนยาวกับผู้หญิงมากนัก เค้ามักจะไม่ค่อยเดินคลอเคลีย แต่กลับเดินนำหน้า หรือเดินตามหลังคุณห่างๆ แต่ถ้าเค้าตกหลุมรักคุณจริงๆ แล้วหล่ะก็ การเดินเคียงบ่า เคียงไหล่กับคุณ แสดงให้เห็นถึงความผูดมัดของเขาด้วยการรักษาระดับสายตา ให้อยู่แต่ในที่ๆ คุณจะเห็นได้ชัด รวมไปถึงยืนตัวติดกันด้วย6. ยอมให้คุณรับโทรศัพท์ของเขาอันนี้ถือเป็นปราการด่านสำคัญ ที่ทำให้คุณเจาะเข้าไปถึงเรื่องส่วนตัวสุดๆ ของเหล่าชายค่ะ ถ้าเขายอมให้คุณรับโทรศัพท์ของเขา นั่นแสดงว่าเขาไว้ใจคุณ พร้อมที่จะเปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่างกับคุณ ยอมให้คุณรุกล้ำเข้าไปสู่อาณาจักรส่วนตัว เพราะโทรศัพท์ถือว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ในยามที่ผู้ชายมีแฟน การที่เค้ายอมยกสิทธิส่วนตัวอย่างเดียวที่เหลืออยู่นั้นให้คุณ แสดงว่าเค้ารักคุณแล้วจริงๆ เป็นไงคะ เขาของคุณเคยแสดงอาการที่ว่านี้ออกมาบ้างหรือเปล่า ถ้าเค้าแสดงอาการอย่างว่าออกมาครบทั้ง 6 ข้อแล้วหล่ะก็ คุณนอนยิ้มได้เลย เค้ารักคุณแน่ๆ เพียงแต่รอว่าเมื่อไหร่เค้าจะยอมเอ่ยปากออกมาเท่านั้นเองค่ะ
1.คุณจับได้ว่าเขาจ้องมองตาคุณอยู่ปกติผู้ชายมักจะจ้องมองสิ่งที่เขาปรารถนาอยู่เสมอ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมเราจึงเห็นผู้ชายแอบมองหน้าอกของผู้หญิง หรือวิจารณ์หน้าอกของผู้หญิงอยู่บ่อยๆ วิธีการมองที่บอกว่า "ผมรักคุณ" นั้นมีอยู่สองแบบ แบบแรกคือการแอบมองคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว (เพราะฉะนั้นแอบจับเขาให้ได้หล่ะ) แบบที่สองคือ จ้องมองคุณอย่างแน่วแน่ในระหว่างที่พูดคุยกัน
2. เขาตุนของโปรดของคุณไว้ในตู้เย็นหรือในครัวที่บ้านเขานั่นแสดงให้เห็นว่าเขานึกถึงแต่ความสุขของคุณอยู่เสมอ ก็ความสุขอย่างนึงของผู้หญิงก็คือการกินยังไงหล่ะ ฉะนั้นลองสังเกตุเวลาที่เค้าไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เกต แล้วลองดูรายการที่เค้าเลือกหยิบ ถ้ามันมีแต่มัชเมโล คิตตี้แคท หรือโยเกริ์ตรสชาติโปรดของคุณ มากกว่าของส่วนตัวของเขาหล่ะก็ นั่นแหละสิ่งบอกความในใจหล่ะค่ะ และยิ่งไปกว่านั้นนะคะ การตุนของหมายถึงการประกาศให้คนรอบข้าง หรือสาธารณชนรู้ถึงความสำคัญของคุณ ปกติแล้วผู้ชายที่ยังไม่ยอมลงหลักปักฐานกับใคร จะไม่ค่อยซื้อของพวกเนี้ยไปเก็บไว้ที่บ้านหรอกค่ะ ทำไมเหรอคะ ก็กลัวสาวอื่นจะมาเห็นยังไงหล่ะ
3. เขาเริ่มพูดถึงอนาคตถ้าวันดีคืนดีเขาพูดกับคุณถึงเรื่องอีก 3 ปีข้างหน้า ชีวิตเค้าจะเป็นอย่างไร หรือเค้าอยากมีบ้านแบบไหน มันเป็นการบอกความนัยว่าเขาอยากร่วมชีวิตกับคุณ อยากให้คุณวาดฝันที่จะได้ไปอยู่กับเขาหรือมีอนาคตที่เหมือนกับเขา และยิ่งถ้าเขาถามความเห็นของคุณด้วยหล่ะก็ นั่นหมายถึงสัมพันธภาพของคุณไปได้อีกยาวแน่ๆ
4. เขาใส่เสื้อผ้าที่คุณซื้อให้ตลอดเวลาทุกครั้งที่ผู้ชายใส่เสื้อผ้าที่เห็นได้ชัดว่าเค้าไม่ได้เป็นคนเลือกเอง นั่นหมายถึงเขากำลังแสดงให้เห็นว่าเขาปล่อยให้คุณเป็นผู้ควบคุม และเปลี่ยนแปลงโฉมให้เขา มันถือว่าเป็นการแสดงออกที่กล้าหาญอย่างมากเชียวนะคะ กับการที่จะถูกเพื่อนๆ โสดของเขาล้อเลียนเกี่ยวกับเรื่องการแต่งตัวที่เปลี่ยนไป
5. เขาชอบยืนเบียดไหล่กับคุณผู้ชายถ้าไม่อยากให้สัมพันธภาพยืนยาวกับผู้หญิงมากนัก เค้ามักจะไม่ค่อยเดินคลอเคลีย แต่กลับเดินนำหน้า หรือเดินตามหลังคุณห่างๆ แต่ถ้าเค้าตกหลุมรักคุณจริงๆ แล้วหล่ะก็ การเดินเคียงบ่า เคียงไหล่กับคุณ แสดงให้เห็นถึงความผูดมัดของเขาด้วยการรักษาระดับสายตา ให้อยู่แต่ในที่ๆ คุณจะเห็นได้ชัด รวมไปถึงยืนตัวติดกันด้วย6. ยอมให้คุณรับโทรศัพท์ของเขาอันนี้ถือเป็นปราการด่านสำคัญ ที่ทำให้คุณเจาะเข้าไปถึงเรื่องส่วนตัวสุดๆ ของเหล่าชายค่ะ ถ้าเขายอมให้คุณรับโทรศัพท์ของเขา นั่นแสดงว่าเขาไว้ใจคุณ พร้อมที่จะเปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่างกับคุณ ยอมให้คุณรุกล้ำเข้าไปสู่อาณาจักรส่วนตัว เพราะโทรศัพท์ถือว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ในยามที่ผู้ชายมีแฟน การที่เค้ายอมยกสิทธิส่วนตัวอย่างเดียวที่เหลืออยู่นั้นให้คุณ แสดงว่าเค้ารักคุณแล้วจริงๆ เป็นไงคะ เขาของคุณเคยแสดงอาการที่ว่านี้ออกมาบ้างหรือเปล่า ถ้าเค้าแสดงอาการอย่างว่าออกมาครบทั้ง 6 ข้อแล้วหล่ะก็ คุณนอนยิ้มได้เลย เค้ารักคุณแน่ๆ เพียงแต่รอว่าเมื่อไหร่เค้าจะยอมเอ่ยปากออกมาเท่านั้นเองค่ะ
เร่งนม ลดหุ่น สาวพันปี สารกระตุ้นสวย...ทำได้จริง?
ในยุคสมัยนี้เรือนร่างที่ผอมเพรียว เต่งตึง คัพ ซี กำลังได้รับความนิยมจากทั้งบรรดาสาวเล็ก สาวใหญ่ และสาวไม่จริง จนทำให้สะเทือนถึงผู้ที่ไม่พอใจในรูปร่างของตนเอง ต่างพากันตบเท้าพึ่งสารกระตุ้นสวยกันเป็นแถว ด้วยความเชื่อที่ว่าเป็นเส้นทางลัดไปสู่หุ่นที่ใฝ่ฝันไว้...นพ.วินัย วนานุกุล ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี อธิบายถึงยาลดความอ้วนให้ฟังว่า ยาที่นำมาใช้ลดความอ้วนเป็นยา 2 ประเภท กลุ่มแรกเป็น อนุพันธ์ ของกลุ่มยาแอมเฟตามีน ที่รู้จักกันในนามของยาบ้า คำว่าอนุพันธ์ แสดงว่าไม่ใช่แอมเฟตามีน โดยตรง คือ มีโครงสร้างหลักเป็นแอมเฟตามีน แต่มีส่วนประกอบของโครงสร้างอย่างอื่นเพิ่มขึ้นโดยยาในกลุ่มนี้มีฤทธิ์ทำให้มีอาการเบื่ออาหาร ซึ่งมีใช้กันอยู่ในปัจจุบันอีกประเภทหนึ่ง คือ Xenical มีใช้กันอยู่แต่น้อยกว่ากลุ่มแรกมาก เป็นยาลดการดูดซึมของไขมันในลำไส้ ไม่ให้ลำไส้ดูดซึมไขมันเข้าสู่ร่างกาย เป็นการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่หน้าที่ย่อยไขมัน ทำให้เวลาถ่ายออกมาจะเป็นไขมันเหลว ๆ แม้เพียงผายลมอาจมีของเหลวไหลออกมาได้ด้วย ยากลุ่มนี้จึงใช้ในทางการแพทย์มากกว่าและมีราคาค่อนข้างสูงโดยทั่วไปจึงเป็นยากลุ่มแรกที่ใช้กัน ซึ่งมี สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ควบคุมอยู่ ไม่ใช่ว่าหาซื้อได้ โดยทั่วไปตามท้องตลาดมีกฎหมายควบคุม นอกจากนี้ทางร้านขายยาหรือคลินิกบางแห่งยังใช้ยาชนิดอื่นร่วมด้วย อาทิ ยาขับปัสสาวะ คือ ให้มีการปัส สาวะออกมาให้มาก ซึ่งดูเหมือนน้ำหนักลง แต่ในความจริงเป็นปัสสาวะที่ขับทิ้ง เป็นการเสียน้ำ ไม่ใช่การนำส่วนเกินของร่างกายออกแต่ อย่างใด รวมทั้งยาระบายด้วยในบางแห่งใช้ยาที่ เรียกว่า ไทรอยด์ฮอร์โมน ร่วมเข้าไปด้วย ซึ่งยากลุ่มนี้มักใช้ในผู้ที่เป็นโรค ไทรอยด์ฮอร์โมน ซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมการเผาผลาญ เมื่อนำมาใช้กับคนปกติจะไปมีผลเร่งการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ให้มากขึ้นกว่าปกติ “สารในกลุ่มแรก จะมีคุณสมบัติคล้ายกันโดยจะกระตุ้นร่างกายให้กระฉับกระเฉงขึ้น มีแรง หัวใจต้องทำงานตลอดเวลาเพราะร่างกายต้อง ทำงานเหมือนคนทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา เมื่อพัฒนากลายเป็นยาที่ช่วยลดความอ้วนจะทำให้เบื่ออาหาร โดยหลักใหญ่ คือ ต้องการให้มีฤทธิ์ในการเบื่ออาหารมาก ๆ แต่ว่ายากลุ่มนี้ยังไม่สามารถทิ้งฤทธิ์ของการที่กระตุ้นร่างกายให้ทำงานมาก ๆ ได้ ตรงนี้เป็นส่วนช่วยอีกทางหนึ่งในการเผาผลาญพลังงาน จึงนิยมนำมาใช้ลดน้ำหนักกัน”
ปกติแพทย์จะนำยาทั้ง 2 กลุ่มมาใช้นั้น จะต้องมีข้อบ่งชี้ในการใช้ที่ชัดเจน หลักการง่าย ๆ คือ จะต้องเป็นโรคอ้วนซึ่งก่อ ให้เกิดอันตรายกับชีวิตได้ เช่น อ้วนมากจนทำให้เป็นโรคนอนกรน มีการหยุดหายใจเป็นพัก ๆ หรืออ้วนมากจนเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ รวมทั้งส่งผลต่อกระดูก เรื่องของเข่าเสื่อม ซึ่งข้อบ่งชี้สามารถคำนวณได้จากมวลกายที่เกินกำหนด เมื่อการรักษาด้วยการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายยังไม่ได้ผลถึงจะมีการจ่ายยากลุ่มนี้ให้กับคนไข้
“ปัญหาอยู่ที่ว่า แนวโน้มของสังคมไทยกับสังคมโลกต้องการผู้ที่มีรูปร่างดี มุ่งเน้นไปที่กลุ่มคนผอม ทำให้ถึงแม้จะมีมวลกายบ่งชี้ว่าปกติ แต่ก็ยังไม่พอใจกับรูปร่างจึงมีการลดน้ำหนักลงให้ผอมลงไปอีก จึงเป็นแนวโน้มของสังคมที่ทำให้เกิดปัญหาการใช้ยาลดความอ้วนมากเกินความจำเป็นหรือมากเกินไปในสังคมปรากฏการณ์ที่เห็นจึงพบว่า เมื่อกินยาลดความอ้วนแล้วผอมลงได้จริงอย่างเร็ว แต่หลังจากที่หยุดกินยากลับมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นตามเดิม จึงทำให้คนกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะใช้ยาต่อเนื่องมากขึ้น ทางการแพทย์จึงไม่แนะนำ” สิ่งที่เกิดขึ้นจากการใช้ยากลุ่มนี้ในระยะยาวเป็นปี ๆ มีรายงานพบว่า ยากลุ่มนี้ทำให้เกิดภาวะลิ้นหัวใจรั่ว ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ยาลดความอ้วนในกลุ่มนี้หลายชนิดต้องเลิกจำหน่ายไปการใช้ที่ถูกต้อง คือ ต้องมีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าควรจะใช้ และไม่ใช้แค่กินอย่างเดียวแต่ต้องมีการควบคุมอาหารและออกกำลังกายร่วมด้วย การพึ่งยาเพียงอย่าง เดียวจะเกิดปัญหาขึ้นในระยะ ยาวได้ คือ เมื่อหยุดยาน้ำหนักตัวก็กลับมา จึงจำเป็นต้องกลับไป ใช้ยานั้นอีก เมื่อใช้ยาในระยะนาน ๆ นั้นหมายถึงการมีโอกาสที่จะเกิดโรคตามมาได้ด้วย “โดยทั่วไปคลินิกหรือโรงพยาบาล จะจ่ายยาให้กลุ่มผู้อยู่ในภาวะอ้วนอันตรายเท่านั้น ส่วนใบปลิวที่ติดตามห้องน้ำในแหล่งชุมชนนั้น มีทั้งกลุ่มที่มีใบอนุญาตและไม่มี ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ ต้องรอบคอบก่อนตัดสินใจ”สำหรับสารเพิ่มฮอร์โมน โดยทั่วไป คือ ฮอร์โมนเพศหญิง หรือจำพวกพืชที่มีสารเอสโตรเจน อยู่ เช่น กวาวเครือ ซึ่งสารชนิดนี้มีอยู่ในยาคุมกำเนิดด้วย เมื่อ ใช้แล้วจะส่งผลให้หน้าอกและตะโพกขยายขึ้นจริงแต่ต้องใช้เวลานานเป็นปี ๆ ถึงจะเห็นผล เพราะการเปลี่ยนแปลงทางสรีระไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยในทันทีและเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นสำหรับผู้หญิงโดยปกติเอสโตรเจนมีไว้สำหรับคนที่ขาดเอสโตรเจน อย่างผู้หญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน หรือที่เรียกกันว่าวัยทอง ซึ่งมีอาการหงุดหงิดผิดปกติ เพื่อช่วยให้ดีขึ้น รวมทั้งผู้หญิงที่เป็นโรคกระดูกพรุน อาจจะมีบางรายที่ต้องใช้สารตัวนี้ จะไม่มีการใช้ติดต่อกันยาวนานเป็นปี ๆ จะใช้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น ถ้ายังไม่หายจะมีการใช้ยาชนิดอื่นทดแทนจากการศึกษาพบว่า การใช้เอสโตรเจนมีความสัมพันธ์ กับการเกิดมะเร็งเต้านม และ มะเร็งมดลูก รวมทั้ง มีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในหลอดเลือดดำ ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดหลอดเลือดตีบได้ ฉะนั้นผู้หญิงที่ใช้ยากลุ่มเอสโตร เจนจึงต้องรู้ว่า มีความเสี่ยงในการเกิดโรคเหล่านี้ได้ด้วย ในส่วนของกลุ่มยาที่ทำให้ผิวพรรณมีน้ำมีนวล เต่งตึง เป็นสาวพันปี จะเป็นกลุ่มที่ไม่ใช่ยาแต่เป็นอาหารเสริม เพราะยาหรือ สารใดที่จะอยู่ในกลุ่มยาการขึ้นทะเบียนได้ จะต้องมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชัดเจน ว่ามีประสิทธิภาพยืนยันถึงผลการรักษาโรคและปลอดภัย แต่อาหารเสริมจะไม่มีข้อมูลทางวิชาการในส่วนนี้ ทำให้ส่วนประกอบของอาหารเสริมจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เช่น สารอนุมูลอิสระทำให้แก่ก็จะมีอาหารเสริมรูปแบบต่าง ๆ ออกมาต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งทุกวันนี้ยังไม่มียาชนิดใดที่พิสูจน์ทางการแพทย์แล้วพบว่า ใช้ยาชนิดนี้แล้วไม่แก่ ช่วยในการลบริ้วรอย โดยส่วนใหญ่จะทำได้แค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น หรือช่วงเวลาที่ใช้เท่านั้น ถ้าไม่ใช้ก็จะกลับมาเหมือนเดิม“ยังคงเชื่อว่า สังขารของคนเรานั้นไม่เที่ยง อาจจะชะลอได้บ้างแต่จะฝืนสังขารไม่ได้ เราพยายามจะเอาชนะธรรมชาติมากมายแต่ยังไม่มีสิ่งใดที่ฝืนธรรมชาติได้สำเร็จ ซึ่งนั่นก็รวมถึงร่างกายของเราด้วย แต่ไม่ใช่ว่า ให้ละเลยการดูแลร่างกาย สังขารของเราเอง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าการดูแลร่างกายให้แข็งแรง ไม่มีโรคภัยเบียดเบียนนั้น คือ การกินอาหารที่มีประโยชน์อย่างพอดี หลีกเลี่ยง สุรา บุหรี่ ยาเสพติด และหมั่นออกกำลังกาย ในส่วนผู้ที่อยากใช้ คงต้องใช้อย่างระมัดระวัง ถ้าใช้ในระยะยาวนานควรอยู่ในการดูแลของแพทย์” นพ.วินัย กล่าวอย่างห่วงใยทั้งหมดนี้เกิดจากค่านิยมที่เน้นเรื่องของร่างกายมากเกินไปโดยไม่คิดย้อนมองไปที่จิตใจ ลองตั้งคำถามให้ตนเองว่าทำไมต้องเป็นคนหุ่นดี ทำไมต้องเป็นสาวสองพันปี ถ้ามีคำตอบให้กับคำถาม แสดงว่ากำลังหลงอยู่กับภาพลักษณ์มากกว่าที่จะสนใจในแก่นแท้ของชีวิต ทั้งที่ในความเป็นจริงทุกอย่างย่อมมีการเสื่อมคงจะตรงกับสุภาษิตสอนใจ ที่ว่า “ความสวยไม่คงที่ ความดีสิคงทน”.
การคำนวณมวลกายทำได้โดย การเอาน้ำหนักมีหน่วยเป็นกิโลกรัมหารด้วยส่วนสูงที่มีหน่วยเมตรยกกำลังสอง จะได้มวลกายออกมาผอมเกินไป จะมีค่า น้อยกว่า 18.5 ( 18.5) เหมาะสม จะอยู่ที่ มากกว่าหรือเท่ากับ 18.5 แต่น้อยกว่า 25 ( 18.5 แต่ 25) น้ำหนักเกิน นั้นจะมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 25 แต่น้อยกว่า 30 ( 25 แต่ 30) อยู่ในภาวะอ้วน จะมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 30 แต่น้อยกว่า 40 ( 30 แต่ 40) สำหรับในส่วนที่ อันตรายมาก จะมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 40 ( 40)
From...http://campus.sanook.com/u_life/knowledge_03762.php
ปกติแพทย์จะนำยาทั้ง 2 กลุ่มมาใช้นั้น จะต้องมีข้อบ่งชี้ในการใช้ที่ชัดเจน หลักการง่าย ๆ คือ จะต้องเป็นโรคอ้วนซึ่งก่อ ให้เกิดอันตรายกับชีวิตได้ เช่น อ้วนมากจนทำให้เป็นโรคนอนกรน มีการหยุดหายใจเป็นพัก ๆ หรืออ้วนมากจนเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ รวมทั้งส่งผลต่อกระดูก เรื่องของเข่าเสื่อม ซึ่งข้อบ่งชี้สามารถคำนวณได้จากมวลกายที่เกินกำหนด เมื่อการรักษาด้วยการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายยังไม่ได้ผลถึงจะมีการจ่ายยากลุ่มนี้ให้กับคนไข้
“ปัญหาอยู่ที่ว่า แนวโน้มของสังคมไทยกับสังคมโลกต้องการผู้ที่มีรูปร่างดี มุ่งเน้นไปที่กลุ่มคนผอม ทำให้ถึงแม้จะมีมวลกายบ่งชี้ว่าปกติ แต่ก็ยังไม่พอใจกับรูปร่างจึงมีการลดน้ำหนักลงให้ผอมลงไปอีก จึงเป็นแนวโน้มของสังคมที่ทำให้เกิดปัญหาการใช้ยาลดความอ้วนมากเกินความจำเป็นหรือมากเกินไปในสังคมปรากฏการณ์ที่เห็นจึงพบว่า เมื่อกินยาลดความอ้วนแล้วผอมลงได้จริงอย่างเร็ว แต่หลังจากที่หยุดกินยากลับมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นตามเดิม จึงทำให้คนกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะใช้ยาต่อเนื่องมากขึ้น ทางการแพทย์จึงไม่แนะนำ” สิ่งที่เกิดขึ้นจากการใช้ยากลุ่มนี้ในระยะยาวเป็นปี ๆ มีรายงานพบว่า ยากลุ่มนี้ทำให้เกิดภาวะลิ้นหัวใจรั่ว ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ยาลดความอ้วนในกลุ่มนี้หลายชนิดต้องเลิกจำหน่ายไปการใช้ที่ถูกต้อง คือ ต้องมีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าควรจะใช้ และไม่ใช้แค่กินอย่างเดียวแต่ต้องมีการควบคุมอาหารและออกกำลังกายร่วมด้วย การพึ่งยาเพียงอย่าง เดียวจะเกิดปัญหาขึ้นในระยะ ยาวได้ คือ เมื่อหยุดยาน้ำหนักตัวก็กลับมา จึงจำเป็นต้องกลับไป ใช้ยานั้นอีก เมื่อใช้ยาในระยะนาน ๆ นั้นหมายถึงการมีโอกาสที่จะเกิดโรคตามมาได้ด้วย “โดยทั่วไปคลินิกหรือโรงพยาบาล จะจ่ายยาให้กลุ่มผู้อยู่ในภาวะอ้วนอันตรายเท่านั้น ส่วนใบปลิวที่ติดตามห้องน้ำในแหล่งชุมชนนั้น มีทั้งกลุ่มที่มีใบอนุญาตและไม่มี ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ ต้องรอบคอบก่อนตัดสินใจ”สำหรับสารเพิ่มฮอร์โมน โดยทั่วไป คือ ฮอร์โมนเพศหญิง หรือจำพวกพืชที่มีสารเอสโตรเจน อยู่ เช่น กวาวเครือ ซึ่งสารชนิดนี้มีอยู่ในยาคุมกำเนิดด้วย เมื่อ ใช้แล้วจะส่งผลให้หน้าอกและตะโพกขยายขึ้นจริงแต่ต้องใช้เวลานานเป็นปี ๆ ถึงจะเห็นผล เพราะการเปลี่ยนแปลงทางสรีระไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยในทันทีและเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นสำหรับผู้หญิงโดยปกติเอสโตรเจนมีไว้สำหรับคนที่ขาดเอสโตรเจน อย่างผู้หญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน หรือที่เรียกกันว่าวัยทอง ซึ่งมีอาการหงุดหงิดผิดปกติ เพื่อช่วยให้ดีขึ้น รวมทั้งผู้หญิงที่เป็นโรคกระดูกพรุน อาจจะมีบางรายที่ต้องใช้สารตัวนี้ จะไม่มีการใช้ติดต่อกันยาวนานเป็นปี ๆ จะใช้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น ถ้ายังไม่หายจะมีการใช้ยาชนิดอื่นทดแทนจากการศึกษาพบว่า การใช้เอสโตรเจนมีความสัมพันธ์ กับการเกิดมะเร็งเต้านม และ มะเร็งมดลูก รวมทั้ง มีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในหลอดเลือดดำ ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดหลอดเลือดตีบได้ ฉะนั้นผู้หญิงที่ใช้ยากลุ่มเอสโตร เจนจึงต้องรู้ว่า มีความเสี่ยงในการเกิดโรคเหล่านี้ได้ด้วย ในส่วนของกลุ่มยาที่ทำให้ผิวพรรณมีน้ำมีนวล เต่งตึง เป็นสาวพันปี จะเป็นกลุ่มที่ไม่ใช่ยาแต่เป็นอาหารเสริม เพราะยาหรือ สารใดที่จะอยู่ในกลุ่มยาการขึ้นทะเบียนได้ จะต้องมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชัดเจน ว่ามีประสิทธิภาพยืนยันถึงผลการรักษาโรคและปลอดภัย แต่อาหารเสริมจะไม่มีข้อมูลทางวิชาการในส่วนนี้ ทำให้ส่วนประกอบของอาหารเสริมจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เช่น สารอนุมูลอิสระทำให้แก่ก็จะมีอาหารเสริมรูปแบบต่าง ๆ ออกมาต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งทุกวันนี้ยังไม่มียาชนิดใดที่พิสูจน์ทางการแพทย์แล้วพบว่า ใช้ยาชนิดนี้แล้วไม่แก่ ช่วยในการลบริ้วรอย โดยส่วนใหญ่จะทำได้แค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น หรือช่วงเวลาที่ใช้เท่านั้น ถ้าไม่ใช้ก็จะกลับมาเหมือนเดิม“ยังคงเชื่อว่า สังขารของคนเรานั้นไม่เที่ยง อาจจะชะลอได้บ้างแต่จะฝืนสังขารไม่ได้ เราพยายามจะเอาชนะธรรมชาติมากมายแต่ยังไม่มีสิ่งใดที่ฝืนธรรมชาติได้สำเร็จ ซึ่งนั่นก็รวมถึงร่างกายของเราด้วย แต่ไม่ใช่ว่า ให้ละเลยการดูแลร่างกาย สังขารของเราเอง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าการดูแลร่างกายให้แข็งแรง ไม่มีโรคภัยเบียดเบียนนั้น คือ การกินอาหารที่มีประโยชน์อย่างพอดี หลีกเลี่ยง สุรา บุหรี่ ยาเสพติด และหมั่นออกกำลังกาย ในส่วนผู้ที่อยากใช้ คงต้องใช้อย่างระมัดระวัง ถ้าใช้ในระยะยาวนานควรอยู่ในการดูแลของแพทย์” นพ.วินัย กล่าวอย่างห่วงใยทั้งหมดนี้เกิดจากค่านิยมที่เน้นเรื่องของร่างกายมากเกินไปโดยไม่คิดย้อนมองไปที่จิตใจ ลองตั้งคำถามให้ตนเองว่าทำไมต้องเป็นคนหุ่นดี ทำไมต้องเป็นสาวสองพันปี ถ้ามีคำตอบให้กับคำถาม แสดงว่ากำลังหลงอยู่กับภาพลักษณ์มากกว่าที่จะสนใจในแก่นแท้ของชีวิต ทั้งที่ในความเป็นจริงทุกอย่างย่อมมีการเสื่อมคงจะตรงกับสุภาษิตสอนใจ ที่ว่า “ความสวยไม่คงที่ ความดีสิคงทน”.
การคำนวณมวลกายทำได้โดย การเอาน้ำหนักมีหน่วยเป็นกิโลกรัมหารด้วยส่วนสูงที่มีหน่วยเมตรยกกำลังสอง จะได้มวลกายออกมาผอมเกินไป จะมีค่า น้อยกว่า 18.5 ( 18.5) เหมาะสม จะอยู่ที่ มากกว่าหรือเท่ากับ 18.5 แต่น้อยกว่า 25 ( 18.5 แต่ 25) น้ำหนักเกิน นั้นจะมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 25 แต่น้อยกว่า 30 ( 25 แต่ 30) อยู่ในภาวะอ้วน จะมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 30 แต่น้อยกว่า 40 ( 30 แต่ 40) สำหรับในส่วนที่ อันตรายมาก จะมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 40 ( 40)
From...http://campus.sanook.com/u_life/knowledge_03762.php
8 เคล็ด (ไม่ลับ) หลับสบาย
คุณมีอาการแบบนี้หรือไม่? ระหว่างนอนรู้สึกว่าสมองยังคงคิดเรื่องต่างๆ อยู่ หลับไม่สนิทตื่นเป็นระยะ บ่อยครั้งตื่นในตอนเช้าด้วยความงัวเงีย และรู้สึกไม่แจ่มใสไปทั้งวัน นั่นเป็นเพราะคุณกำลังเข้าใกล้วงจรของอาการนอนไม่หลับ
นอนไม่หลับ’ นับเป็นอาการยอดฮิตของหลายๆ คน ที่ส่วนมากเกิดจากความเครียด โดยเฉพาะวัยเรียนและวัยทำงาน ที่กังวลเกี่ยวกับงานและเรื่องต่างๆ มากเกินไป จนกลายเป็นความคิดมาก เครียด และนอนไม่หลับบ่อยครั้งในระหว่างวันจะรู้สึกง่วงนอนและอ่อนเพลีย ส่งผลให้การเรียนการทำงานขาดประสิทธิภาพ‘เกร็ดน่ารู้’ สัปดาห์นี้มี Tips ง่ายๆ ช่วยให้หลับสบายมาฝากกัน1.ตื่นและนอนให้เป็นเวลา โดยใน 1 วัน ควรนอนให้ได้ 8 ชั่วโมง และทำให้เป็นประจำทุกวัน2.ฝึกนั่งสมาธิก่อนนอน เพื่อไม่ให้จิตใจฟุ้งซ่าน 3.วางแผนงานที่จะสะสางในวันพรุ่งนี้ให้เป็นระบบ เพื่อลดการคิดซ้ำซาก4.อย่ากังวลกับงานจนเกินไป เมื่อถึงเวลานอนก็ควรนอนให้หลับสนิท เพื่อพักสมอง และเตรียมลุยงานในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะเป็นผลดีกับประสิทธิภาพของงาน5.หากลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำมันหอมระเหยวางในห้อง จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและหลับง่ายขึ้น6.ดื่มนมอุ่นๆ ก่อนนอน จะช่วยคลายเครียด ผ่อนคลายประสาท7.หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ น้ำอัดลม ช็อกโกแลต เนื่องจากมีคาเฟอีนกระตุ้นทำให้นอนไม่หลับ 8.เปิดเพลงเบาๆ ฟังสบายๆ จะให้ความรู้สึกสงบเพราะ...การหลับสนิทเป็นการพักผ่อนที่ช่วยชาร์จพลังที่ดีที่สุด ดังนั้น การสร้างสุขลักษณะการนอนที่ดี รู้จักผ่อนคลายเรื่องเครียดกังวล จะส่งผลดีต่อร่างกาย-สติปัญญา และช่วยบอกลาอาการนอนไม่หลับได้.
From....http://campus.sanook.com/teen_zone/senior_02515.php
นอนไม่หลับ’ นับเป็นอาการยอดฮิตของหลายๆ คน ที่ส่วนมากเกิดจากความเครียด โดยเฉพาะวัยเรียนและวัยทำงาน ที่กังวลเกี่ยวกับงานและเรื่องต่างๆ มากเกินไป จนกลายเป็นความคิดมาก เครียด และนอนไม่หลับบ่อยครั้งในระหว่างวันจะรู้สึกง่วงนอนและอ่อนเพลีย ส่งผลให้การเรียนการทำงานขาดประสิทธิภาพ‘เกร็ดน่ารู้’ สัปดาห์นี้มี Tips ง่ายๆ ช่วยให้หลับสบายมาฝากกัน1.ตื่นและนอนให้เป็นเวลา โดยใน 1 วัน ควรนอนให้ได้ 8 ชั่วโมง และทำให้เป็นประจำทุกวัน2.ฝึกนั่งสมาธิก่อนนอน เพื่อไม่ให้จิตใจฟุ้งซ่าน 3.วางแผนงานที่จะสะสางในวันพรุ่งนี้ให้เป็นระบบ เพื่อลดการคิดซ้ำซาก4.อย่ากังวลกับงานจนเกินไป เมื่อถึงเวลานอนก็ควรนอนให้หลับสนิท เพื่อพักสมอง และเตรียมลุยงานในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะเป็นผลดีกับประสิทธิภาพของงาน5.หากลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำมันหอมระเหยวางในห้อง จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและหลับง่ายขึ้น6.ดื่มนมอุ่นๆ ก่อนนอน จะช่วยคลายเครียด ผ่อนคลายประสาท7.หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ น้ำอัดลม ช็อกโกแลต เนื่องจากมีคาเฟอีนกระตุ้นทำให้นอนไม่หลับ 8.เปิดเพลงเบาๆ ฟังสบายๆ จะให้ความรู้สึกสงบเพราะ...การหลับสนิทเป็นการพักผ่อนที่ช่วยชาร์จพลังที่ดีที่สุด ดังนั้น การสร้างสุขลักษณะการนอนที่ดี รู้จักผ่อนคลายเรื่องเครียดกังวล จะส่งผลดีต่อร่างกาย-สติปัญญา และช่วยบอกลาอาการนอนไม่หลับได้.
From....http://campus.sanook.com/teen_zone/senior_02515.php
Wednesday, September 24, 2008
ทำสคับผิวกันม่ะ
ใครที่ชอบทำสครับผิวบ่อยๆ วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มี 8 ข้อควรรู้ก่อนจะทำสครับผิวมาบอกกัน…
1. ความถี่ที่เหมาะสมในการใช้สครับ คือ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ เพื่อเปิดโอกาสให้กระบวนการผลิตเซลล์ผิวใหม่ได้ทำงานในการสร้างเซลล์ผิวขึ้นมาทดแทนเซลล์ที่สูญเสียไป
2. ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการสครับผิวหน้ามากที่สุด คือ เวลากลางคืน เพราะในขณะที่หลับผิวจะได้รับการซ่อมแซม และฟื้นตัวจากการสูญเสียน้ำมันหลังจากการสครับ
3. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์สครับผิวที่มีเนื้อขรุขระ โดยหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสกัดจากพืชประเภทข้าว เพราะเม็ดสครับที่ได้จะมีขนาดที่เล็กกว่า จึงไม่ขีดข่วน และทำอันตรายต่อผิว ทั้งนี้ จากการวิจัยเชิงเคมีของ The International Dermal Institute ยังระบุว่า กรดไฟติกและกรดเฟอรูลิค ซึ่งเป็นส่วนผสมในรำข้าวจะช่วยย่อยสลายเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพอย่างอ่อนละมุน ในขณะเดียวกันก็จะช่วยเร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่อย่างเต็มประสิทธิภาพ ผิวจึงเนียนใส มีสุขภาพดี นอกจากนี้การใช้สำลีแผ่น หรือการถูผลิตภัณฑ์สครับลงบนมือที่เปียกน้ำก่อนนำไปขัดผิวหน้าอย่างเบา ๆ ยังสามารถช่วยลดการเสียดสีของเม็ดสครับกับผิวได้อีกด้วย
4. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวประเภทใดประเภทหนึ่งเท่านั้น นั่นคือ หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นกายภาพ ก็ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นเคมีควบคู่กันไป เพื่อหลีกเลี่ยงการขจัดเซลล์ผิวในปริมาณที่มากเกินไป
5. สำหรับคนที่มีปัญหาผิวเป็นสิว ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดไกรโคลิค (AHA) หรือซาลิไซลิค (BHA) ซึ่งการวิจัยพบว่าสารทั้ง 2 ชนิดนี้ไม่เพียงช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วอย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นกระบวนการผลิตคอลลาเจน รวมถึงกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และชะลอกระบวนการผลิตเม็ดสีผิวอีกด้วย แต่ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สครับที่ออกแบบโดยเฉพาะสำหรับผิวเป็นสิว
6. หากรู้ว่าต้องไปในสถานที่ที่มีแดดจัด เช่น ชายทะเล ควรหลีกเลี่ยงการสครับผิวอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
7. หลังจากสครับผิว สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ การใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่าของสารป้องกันแสงแดดไม่ต่ำกว่า SPF 15
8. สำหรับผู้ที่ใช้บริการผลัดเซลล์ผิวตามศูนย์บริการด้านความงามต่างๆ ควรงดใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวอย่างน้อย 2 วัน และต้องไม่ลืมที่จะปกป้องผิวด้วยผลิตภัณฑ์กันแดด และทางที่ดีควรอยู่ในที่ร่มเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
1. ความถี่ที่เหมาะสมในการใช้สครับ คือ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ เพื่อเปิดโอกาสให้กระบวนการผลิตเซลล์ผิวใหม่ได้ทำงานในการสร้างเซลล์ผิวขึ้นมาทดแทนเซลล์ที่สูญเสียไป
2. ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการสครับผิวหน้ามากที่สุด คือ เวลากลางคืน เพราะในขณะที่หลับผิวจะได้รับการซ่อมแซม และฟื้นตัวจากการสูญเสียน้ำมันหลังจากการสครับ
3. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์สครับผิวที่มีเนื้อขรุขระ โดยหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสกัดจากพืชประเภทข้าว เพราะเม็ดสครับที่ได้จะมีขนาดที่เล็กกว่า จึงไม่ขีดข่วน และทำอันตรายต่อผิว ทั้งนี้ จากการวิจัยเชิงเคมีของ The International Dermal Institute ยังระบุว่า กรดไฟติกและกรดเฟอรูลิค ซึ่งเป็นส่วนผสมในรำข้าวจะช่วยย่อยสลายเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพอย่างอ่อนละมุน ในขณะเดียวกันก็จะช่วยเร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่อย่างเต็มประสิทธิภาพ ผิวจึงเนียนใส มีสุขภาพดี นอกจากนี้การใช้สำลีแผ่น หรือการถูผลิตภัณฑ์สครับลงบนมือที่เปียกน้ำก่อนนำไปขัดผิวหน้าอย่างเบา ๆ ยังสามารถช่วยลดการเสียดสีของเม็ดสครับกับผิวได้อีกด้วย
4. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวประเภทใดประเภทหนึ่งเท่านั้น นั่นคือ หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นกายภาพ ก็ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นเคมีควบคู่กันไป เพื่อหลีกเลี่ยงการขจัดเซลล์ผิวในปริมาณที่มากเกินไป
5. สำหรับคนที่มีปัญหาผิวเป็นสิว ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดไกรโคลิค (AHA) หรือซาลิไซลิค (BHA) ซึ่งการวิจัยพบว่าสารทั้ง 2 ชนิดนี้ไม่เพียงช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วอย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นกระบวนการผลิตคอลลาเจน รวมถึงกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และชะลอกระบวนการผลิตเม็ดสีผิวอีกด้วย แต่ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สครับที่ออกแบบโดยเฉพาะสำหรับผิวเป็นสิว
6. หากรู้ว่าต้องไปในสถานที่ที่มีแดดจัด เช่น ชายทะเล ควรหลีกเลี่ยงการสครับผิวอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
7. หลังจากสครับผิว สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ การใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่าของสารป้องกันแสงแดดไม่ต่ำกว่า SPF 15
8. สำหรับผู้ที่ใช้บริการผลัดเซลล์ผิวตามศูนย์บริการด้านความงามต่างๆ ควรงดใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวอย่างน้อย 2 วัน และต้องไม่ลืมที่จะปกป้องผิวด้วยผลิตภัณฑ์กันแดด และทางที่ดีควรอยู่ในที่ร่มเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
ประโยชน์จาก ผลไม้ ที่คนไทยไม่คุ้น
ประโยชน์จาก ผลไม้ ที่คนไทยไม่คุ้น
ประเทศไทยจัดได้ว่าเป็นเมืองที่มีผลไม้กินตลอดปี ไม่ว่าจะเป็น เงาะ ลำไย ส้ม กล้วย ฯลฯ และยิ่งเดี๋ยวนี้เรานำเข้าผลไม้จากต่างประเทศเข้ามาด้วย จะยิ่งทำให้ประเทศเราอุดมไปด้วยผลไม้นานาชนิด แถมบางชนิดหน้าตาแปลกๆ เพราะเข้ามาจากต่างประเทศ ผลไม้ที่นำเข้ามานั้น จะมีลักษณะเด่นที่ดูแปลกตาคนไทยจนบางครั้งคนที่เพิ่งเห็นก็จะคิดว่า “เอ๊ะ มันอะไรกันเนี่ย” หรือ “หน้าตาดูไม่น่ากินเลย จะกินได้ไหม” ทำให้หลายคนไม่กล้าลอง แต่แม้ว่าผลไม้นอกจะมีหน้าตาที่ดูแปลกและสีสันไม่น่ามองเท่าไรนัก แต่ผลไม้เหล่านี้อุดมไปด้วยคุณค่าและประโยชน์ที่คาดไม่ถึง จะมีผลไม้อะไรบ้างเราลองมาติดตามดูกันได้เลย…
แก้วมังกร (Dragon Fruit)
แก้วมังกร เป็นไม้จำพวกแคนตัส (ตะบองเพชร) เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากอเมริกาใต้ ส่วนไทยนำเข้ามาจากเวียดนาม ที่ได้ชื่อว่า แก้วมังกรนั้น เพราะผลมีลักษณะคล้ายลูกแก้ว อยู่กึ่งกลางระหว่างกิ่ง 2 กิ่ง (คล้ายมังกรกำลังเฝ้าลูกแก้ว) พันธุ์นี้จะมีเนื้อสีขาว ส่วนพันธุ์ที่เนื้อสีแดงจะเป็นสายพันธุ์มาจากไต้หวัน พืชจำพวกกระบองเพชรอย่างแก้วมังกร จะมีสารมิวซิเลจ (Mucilage) จำพวกโปลีแซคคาไรด์เชิงซ้อนอยู่มาก ซึ่งจะช่วยควบคุมน้ำตาลกลูโคสในผู้ที่เป็นเบาหวาน โดยไม่พึ่งอินซูลินและสามารถลดระดับไตรกลีเซอไรด์ และ LDL คอเลสเตอรอลได้
นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มธาตุเหล็ก บรรเทาอาการเลือดจาง และยังมีสรรพคุณในการป้องกันโรคหัวใจ ความดันเลือด ตับ เบาหวาน มะเร็งลำไส้ และต่อมลูกหมาก ทั้งยังช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับกระดูก ฟัน และกล้ามเนื้อ
อโวคาโด (Avocado)
อโวคาโด มีบ้านเกิดอยู่ในเม็กซิโก เป็นผลไม้ที่เจริญเติบโตได้ดีในประเทศเขตร้อนหรือกึ่งร้อน ซึ่งมีปลูกในไทยมานานแล้ว นำเข้ามาโดยหมอสอนศาสนาแต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก เพราะรสชาติไม่เป็นที่คุ้นลิ้นคนไทย นอกจากนี้หลายคนยังคิดว่าอโวคาโดมีไขมันและคอเลสเตอรอลมาก แต่จริงๆ แล้ว ไขมันในอโวคาโดเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายเหมือนน้ำมันมะกอก ทั้งยังมีวิตามิน อี สูง ทำให้มีสรรพคุณในการบำรุงผิว
กีวี (Kiwi)
กีวี ผลไม้หน้าตาประหลาด สีน้ำตาล มีขน มองอย่างไรก็ไม่เห็นจะน่ากินตรงไหน กีวีมีถิ่นเกิดอยู่ที่เมืองจีน แต่เป็นที่นิยมที่นิวซีแลนด์ กีวี มีวิตามินซีมากกว่าส้มถึง 2 เท่า กากใยก็มากกว่าแอปเปิ้ล นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยโปแตสเซียม จึงมีส่วนช่วยลดความดันเลือด ลดความเครียดและความอ่อนเพลีย ทั้งยังช่วยให้ระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้นด้วย
ลูกพรุน, ลูกพลับ และลูกไหน (Prun, Plub & Plum)
หลายคนคงสงสัยว่า ผลไม้ทั้ง 3 ชนิดนี้ ต่างกันอย่างไร ความจริงแล้ว ผลไม้ทั้ง 3 ชนิดนี้ คือ ผลไม้ชนิดเดียวกัน เพียงแต่ลูกพรุนเป็นการนำลูกพลับมาตากแห้ง ส่วนลูกไหนเป็นชื่อที่คนจีนเรียกลูกพลับ ประโยชน์ของลูกพรุนนี้มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก อุดมไปด้วยไฟเบอร์ แมกนีเซียม เหล็ก โปแตสเซียม และวิตามิน บี สาวๆ ที่ต้องการลดความอ้วน กินลูกพรุนเยอะๆ จะดี เพราะลูกพรุนมีไขมันต่ำ แคลอรี่น้อย แถมเป็นยาระบายอ่อนๆ อีกด้วย
เบอร์รี่ (Berry)
เบอร์รี่ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ว่าจะเป็นสตอร์เบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ จัดเป็นผลไม้ที่มีวิตามิน ซี สูง นอกจากนี้จะมีโปรแตสเซียม และเส้นใยอาหารสูงด้วย
- แบล็คเบอร์รี่ มีโฟโตเคมีคอล ช่วยป้องกันโรคมะเร็งและช่วยในเรื่องการขับถ่าย
- บลูเบอร์รี่ ช่วยป้องกันการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
- ราสเบอร์รี่ มีใยอาหาร วิตามินซี, เค และยังมีแมงกานีสที่ช่วยการทำงานของปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย ช่วยให้ระบบประสาททำงานได้ อย่างมีประสิทธิภาพ
ทับทิม (Punica/Stone Apple)
ทับทิม เป็นผลไม้ขนาดเล็ก นิยมปลูกเป็นไม้มงคลหรือประดับเพื่อความสวยงามมากกว่าจะนำไปใช้ประโยชน์เป็นร่มเงา ทับทิมนั้นสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นดอก ใบ ราก และผลยังอุดมไปด้วยโปแตสเซียม วิตามินซี และวิตามินบี๖ ที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนแปลงโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ให้อยู่ในรูปที่ร่างกายต้องการและนำไปใช้ประโยชน์ได้ จึงทำให้ทับทิม มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย ท้องร่วง ขับพยาธิ แก้ร้อนใน แก้ไข้ตัวร้อน บรรเทาอาการแผลในกระเพาะอาหาร แก้ริดสีดวงทวาร
นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นยาบำรุงเลือดได้ ด้วยความที่ทับทิมมีรสหวานอมเปรี้ยว จึงทำให้อุดมไปด้วยวิตามินซี จึงช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันได้
กระทกรก / เสาวรส (Passion Fruit)
กระทกรก หรืออีกชื่อหนึ่งคือ เสาวรส เป็นผลไม้ที่ช่วยบำรุงสายตา และผิวพรรณ เนื่องจากมีวิตามินเอ สูง ทั้งยังช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ลดไขมันในเส้นเลือด และโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ในเสาวรสนั้นมีวิตามินซี สูง คือ 39.1 มก./100 มก. ซึ่งมีมากกว่ามะนาวเสียอีก
มะเม่า (Mamao)
มะเม่า เป็นผลไม้สมุนไพร สายพันธุ์เดียวกับเบอร์รี่ มีบ้านเกิดอยู่ทางตอนใต้ของประเทศไทย เป็นพืชที่นิยมมาทำเป็นไวน์ผลไม้ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกที่ต่างชาตินิยมเป็นอย่างมาก เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารมาก เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินซี, บี1, บี2 และวิตามิน อี ทั้งยังให้แคลเซียมและธาตุเหล็กด้วย มีฤทธิ์ในการช่วยขับปัสสาวะ บำรุงไต แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้มดลูกอักเสบบวมช้ำ ขับเลือดและน้ำคาวปลา
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
Tags: ผลไม้, สุขภาพ
ประเทศไทยจัดได้ว่าเป็นเมืองที่มีผลไม้กินตลอดปี ไม่ว่าจะเป็น เงาะ ลำไย ส้ม กล้วย ฯลฯ และยิ่งเดี๋ยวนี้เรานำเข้าผลไม้จากต่างประเทศเข้ามาด้วย จะยิ่งทำให้ประเทศเราอุดมไปด้วยผลไม้นานาชนิด แถมบางชนิดหน้าตาแปลกๆ เพราะเข้ามาจากต่างประเทศ ผลไม้ที่นำเข้ามานั้น จะมีลักษณะเด่นที่ดูแปลกตาคนไทยจนบางครั้งคนที่เพิ่งเห็นก็จะคิดว่า “เอ๊ะ มันอะไรกันเนี่ย” หรือ “หน้าตาดูไม่น่ากินเลย จะกินได้ไหม” ทำให้หลายคนไม่กล้าลอง แต่แม้ว่าผลไม้นอกจะมีหน้าตาที่ดูแปลกและสีสันไม่น่ามองเท่าไรนัก แต่ผลไม้เหล่านี้อุดมไปด้วยคุณค่าและประโยชน์ที่คาดไม่ถึง จะมีผลไม้อะไรบ้างเราลองมาติดตามดูกันได้เลย…
แก้วมังกร (Dragon Fruit)
แก้วมังกร เป็นไม้จำพวกแคนตัส (ตะบองเพชร) เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากอเมริกาใต้ ส่วนไทยนำเข้ามาจากเวียดนาม ที่ได้ชื่อว่า แก้วมังกรนั้น เพราะผลมีลักษณะคล้ายลูกแก้ว อยู่กึ่งกลางระหว่างกิ่ง 2 กิ่ง (คล้ายมังกรกำลังเฝ้าลูกแก้ว) พันธุ์นี้จะมีเนื้อสีขาว ส่วนพันธุ์ที่เนื้อสีแดงจะเป็นสายพันธุ์มาจากไต้หวัน พืชจำพวกกระบองเพชรอย่างแก้วมังกร จะมีสารมิวซิเลจ (Mucilage) จำพวกโปลีแซคคาไรด์เชิงซ้อนอยู่มาก ซึ่งจะช่วยควบคุมน้ำตาลกลูโคสในผู้ที่เป็นเบาหวาน โดยไม่พึ่งอินซูลินและสามารถลดระดับไตรกลีเซอไรด์ และ LDL คอเลสเตอรอลได้
นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มธาตุเหล็ก บรรเทาอาการเลือดจาง และยังมีสรรพคุณในการป้องกันโรคหัวใจ ความดันเลือด ตับ เบาหวาน มะเร็งลำไส้ และต่อมลูกหมาก ทั้งยังช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับกระดูก ฟัน และกล้ามเนื้อ
อโวคาโด (Avocado)
อโวคาโด มีบ้านเกิดอยู่ในเม็กซิโก เป็นผลไม้ที่เจริญเติบโตได้ดีในประเทศเขตร้อนหรือกึ่งร้อน ซึ่งมีปลูกในไทยมานานแล้ว นำเข้ามาโดยหมอสอนศาสนาแต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก เพราะรสชาติไม่เป็นที่คุ้นลิ้นคนไทย นอกจากนี้หลายคนยังคิดว่าอโวคาโดมีไขมันและคอเลสเตอรอลมาก แต่จริงๆ แล้ว ไขมันในอโวคาโดเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายเหมือนน้ำมันมะกอก ทั้งยังมีวิตามิน อี สูง ทำให้มีสรรพคุณในการบำรุงผิว
กีวี (Kiwi)
กีวี ผลไม้หน้าตาประหลาด สีน้ำตาล มีขน มองอย่างไรก็ไม่เห็นจะน่ากินตรงไหน กีวีมีถิ่นเกิดอยู่ที่เมืองจีน แต่เป็นที่นิยมที่นิวซีแลนด์ กีวี มีวิตามินซีมากกว่าส้มถึง 2 เท่า กากใยก็มากกว่าแอปเปิ้ล นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยโปแตสเซียม จึงมีส่วนช่วยลดความดันเลือด ลดความเครียดและความอ่อนเพลีย ทั้งยังช่วยให้ระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้นด้วย
ลูกพรุน, ลูกพลับ และลูกไหน (Prun, Plub & Plum)
หลายคนคงสงสัยว่า ผลไม้ทั้ง 3 ชนิดนี้ ต่างกันอย่างไร ความจริงแล้ว ผลไม้ทั้ง 3 ชนิดนี้ คือ ผลไม้ชนิดเดียวกัน เพียงแต่ลูกพรุนเป็นการนำลูกพลับมาตากแห้ง ส่วนลูกไหนเป็นชื่อที่คนจีนเรียกลูกพลับ ประโยชน์ของลูกพรุนนี้มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก อุดมไปด้วยไฟเบอร์ แมกนีเซียม เหล็ก โปแตสเซียม และวิตามิน บี สาวๆ ที่ต้องการลดความอ้วน กินลูกพรุนเยอะๆ จะดี เพราะลูกพรุนมีไขมันต่ำ แคลอรี่น้อย แถมเป็นยาระบายอ่อนๆ อีกด้วย
เบอร์รี่ (Berry)
เบอร์รี่ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ว่าจะเป็นสตอร์เบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ จัดเป็นผลไม้ที่มีวิตามิน ซี สูง นอกจากนี้จะมีโปรแตสเซียม และเส้นใยอาหารสูงด้วย
- แบล็คเบอร์รี่ มีโฟโตเคมีคอล ช่วยป้องกันโรคมะเร็งและช่วยในเรื่องการขับถ่าย
- บลูเบอร์รี่ ช่วยป้องกันการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
- ราสเบอร์รี่ มีใยอาหาร วิตามินซี, เค และยังมีแมงกานีสที่ช่วยการทำงานของปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย ช่วยให้ระบบประสาททำงานได้ อย่างมีประสิทธิภาพ
ทับทิม (Punica/Stone Apple)
ทับทิม เป็นผลไม้ขนาดเล็ก นิยมปลูกเป็นไม้มงคลหรือประดับเพื่อความสวยงามมากกว่าจะนำไปใช้ประโยชน์เป็นร่มเงา ทับทิมนั้นสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นดอก ใบ ราก และผลยังอุดมไปด้วยโปแตสเซียม วิตามินซี และวิตามินบี๖ ที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนแปลงโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ให้อยู่ในรูปที่ร่างกายต้องการและนำไปใช้ประโยชน์ได้ จึงทำให้ทับทิม มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย ท้องร่วง ขับพยาธิ แก้ร้อนใน แก้ไข้ตัวร้อน บรรเทาอาการแผลในกระเพาะอาหาร แก้ริดสีดวงทวาร
นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นยาบำรุงเลือดได้ ด้วยความที่ทับทิมมีรสหวานอมเปรี้ยว จึงทำให้อุดมไปด้วยวิตามินซี จึงช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันได้
กระทกรก / เสาวรส (Passion Fruit)
กระทกรก หรืออีกชื่อหนึ่งคือ เสาวรส เป็นผลไม้ที่ช่วยบำรุงสายตา และผิวพรรณ เนื่องจากมีวิตามินเอ สูง ทั้งยังช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ลดไขมันในเส้นเลือด และโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ในเสาวรสนั้นมีวิตามินซี สูง คือ 39.1 มก./100 มก. ซึ่งมีมากกว่ามะนาวเสียอีก
มะเม่า (Mamao)
มะเม่า เป็นผลไม้สมุนไพร สายพันธุ์เดียวกับเบอร์รี่ มีบ้านเกิดอยู่ทางตอนใต้ของประเทศไทย เป็นพืชที่นิยมมาทำเป็นไวน์ผลไม้ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกที่ต่างชาตินิยมเป็นอย่างมาก เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารมาก เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินซี, บี1, บี2 และวิตามิน อี ทั้งยังให้แคลเซียมและธาตุเหล็กด้วย มีฤทธิ์ในการช่วยขับปัสสาวะ บำรุงไต แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้มดลูกอักเสบบวมช้ำ ขับเลือดและน้ำคาวปลา
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
Tags: ผลไม้, สุขภาพ
Saturday, September 20, 2008
ลองทำอะไรใหม่ๆกันม่ะ
ไม่ว่าความทุกข์จะมาในรูปไหน คนเรามักมีความสามารถในการปรับตัวปรับใจให้คุ้นเคย จนความทุกข์นั้น ๆ กลายเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่ทนไม่ได้นั้น ส่วนใหญ่มักเป็นเพราะมีเวลาปรับตัวน้อยเกินไป หรือว่ายังไม่ทันปรับตัวจนคุ้นเคย ก็คิดสั้นไปเสียก่อน คนที่ประสบเหตุจนตาบอด หูหนวก แม้จะทุกข์เพียงใด แต่เมื่อเวลาผ่านไป จิตใจก็กลับเป็นปกติ บางครั้งกลับมีความสุขกว่าคนปกติธรรมดาด้วยซ้ำ ส่วนคนที่ติดคุกติดตาราง ทีแรกก็อึดอัดระทมทุกข์ แต่ไม่ช้าไม่นานจะเริ่มรู้สึกว่าคุกนั้นเป็นเสมือนบ้าน คนที่อกหักรักคุดก็เช่นกัน สักพักก็จะทำใจได้ ยิ้มร่าได้เหมือนก่อน &n bsp; ความเคยชินทำให้เรามีภูมิต้านทานต่อความทุกข์หรือสิ่งไม่พึงปรารถนา คนที่ไปทำงานในปั๊มน้ำมันหรือเล้าหมู ใหม่ ๆ จะรู้สึกเหม็นตลบอบอวล แต่อยู่ไปนาน ๆ จมูกกลับไม่ได้กลิ่นเหล่านั้นเลย ความเคยชินนั้นสามารถแปรความทุกข์ให้กลายเป็นความไม่ทุกข์ เปลี่ยนปัญหาให้กลายเป็นเรื่องธรรมดา นั่นเป็นข้อดีของความเคยชิน แต่ข้อเสียก็มีอยู่ไม่น้อย บ่อยครั้งความเคยชินก็ทำให้ปัญหาถูกบดบังและเรื้อรัง จนแก้ได้ยาก หรือก่อผลเสียหายในที่สุด คนที่เคยชินกับการนั่งหรือยืนผิดท่า จะไม่รู้ตัวเลยว่ากระดูกและกล้ามเนื้อเสียรูปไปแค่ไหนแล้ว นานเข้า ๆ โครงสร้างของร่างกายก็จะเสีย จนยากจะแก้ไข แถมยังก่อความเจ็บปวดทรมาน บางคนเดิ นตัวเอียง จนใครเห็นใครก็ทัก แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้สึกผิดปกติ นั่นก็เพราะเคยชินกับการเดินอย่างนั้นมานานนับสิบปี ยิ่งวันก็ยิ่งเอียงจนเหมือนหอเอียงปิซ่า ถึงตอนนั้นก็สายเกินแก้แล้ว เจ้านายที่เครียดเป็นกิจวัตร มักไม่ค่อยรู้ตัวว่าตนเองขี้หงุดหงิดแค่ไหน เพราะนอกจากตัวเองจะทำเป็นนิสัยแล้ว คนรอบข้างก็เคยชินด้านชาจนไม่รู้สึกรู้สาไปเสียแล้ว ฟังดูก็เหมือนดี แต่ที่จริงไม่ใช่เลย เพราะนับวันท่านก็จะเครียดง่ายขึ้น ถี่ขึ้น จนโรคหัวใจถามหา การทำหรืออยู่กับสิ่งที่เคยชินปีแล้วปีเล่า จึงไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป บางครั้งก็มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนไปสัมผัสกับสิ่งใหม่ หรือสภาพแวดล้อมอย่างใหม่ดูบ้าง คนชอบเครียด ลองเปลี่ยนเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนเที่ยวดูบ้าง อาจพบว่าตัวเองเอาจริงเอาจังมากเกินไป ยิ่งอยู่กับเพื่อนที่สบาย ๆ ง่าย ๆ มากเท่าไร ก็ยิ่งเห็นความติดยึ ดหยุมหยิมขี้กังวลของตนมากเท่านั้น แล้วจะตระหนักว่าควรรู้จักปล่อยวางเสียบ้าง สำหรับคนที่เป็นเจ้านาย การรับลูกน้องใหม่ ๆ มาทำงาน อาจช่วยให้ตนเห็นปัญหาในหน่วยงานของตนชัดขึ้น เพราะคนที่เข้ามาทำงานใหม่นั้น จะเห็นปัญหาที่สะสมในหน่วยงานได้ชัดเจนกว่าคนที่อยู่นานจนเคยชินกับปัญหา ของที่วางระเกะระกะในห้องนั้น คนที่คุ้นเคยย่อมไม่รู้สึกเป็นปัญหา เพราะเดินหลบจนคล่องแคล่ว แต่ถ้าให้คนใหม่เข้ามาในห้อง ง่ายที่เขาจะเดินเตะหรือเดินสะดุด การลองทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่คุ้นเคยดูบ้าง จะช่วยให้เราเห็นข้อจำกัดของตัวเอง นอกจากจะทำให้เราอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่รู้สึกอหังการ์ว่าข้าเก่งทุกเรื่องแล้ว ยังช่วยให้เราพัฒนาศักยภาพใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตและการทำงาน ; แม้กระทั่งการเปลี่ยนเส้นทางไปที่ทำงาน จากเดิมที่ใช้ชั่วนาตาปี ไม่เพียงแต่จะช่วยลดความจำเจ ยังอาจเปิดตาให้เราเห็นอะไรใหม่ ๆ สองข้างทาง แทนที่จะชินชากับเส้นทางเดิม กบนั้นเก่งในการปรับตัว เอากบไปวางไว้ในหม้อที่ตั้งอยู่บนกองไฟ มันจะปรับตัวให้ชินกับความร้อนที่เพิ่มขึ้น ๆ แต่พอถึงจุดหนึ่ง มันจะทนไม่ไหวและตายไปในที่สุด ในสถานการณ์อย่างนี้ ทางออกที่ดีที่สุดคือกระโดดออกจากหม้อขณะที่ยังมีเวลา ตอนนี้เราเป็นเหมือนกบในหม้อที่ร้อนระอุหรือไม่ ถ้าใช่ น่าจะคิดได้แล้วว่าถึงเวลากระโดด ออกจากหม้อหรือยัง
By Peung
By Peung
สิบอย่างที่ควรถวายพระ
10 อันดับของสังฆทาน ที่พระจะได้ประโยชน์มากที่สุด (สกู๊ปรายการจุดเปลี่ยน)รายการ "จุดเปลี่ยน" เมื่อวันเสาร์ที่ 14 และ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา (ช่อง 9 เวลา 13.00 น.)ออกอากาศเรื่อง "10 อันดับของสังฆทาน ที่ทำแล้วพระท่านจะได้ประโยชน์มากที่สุด"อันเนื่องมาจากมีการสำรวจของในถังสังฆทานสำเร็จรูป (ถังเหลือง) ที่เห็นวางขายกันอยู่ทั่วไปพบว่า กว่า 50 % เป็นของที่ไม่มีคุณภาพ ใช้งานจริงไม่ได้ เช่น ผ้าจีวรสั้นและบางจนแทบจะเป็นผ้าซีทรูใบชาเหม็นผงซักฟอกที่วางมาข้างๆ (กลายเป็นใบชารสโอโม่) กระดาษชำระหยาบและมีกลิ่นเหม็นแปรงสีฟันแข็งจนพระค่อนประเทศเป็นโรคเหงือกอักเสบ, สบู่ แชมพู ที่ถวายมีกลิ่นหอมแรงและผสมมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ ทำให้พระผิดศีลต้องปลงอาบัติกันทุกวัน(มีศีลข้อหนึ่งห้ามการประทินผิวและใช้เครื่องหอม ไม่แน่ใจว่าศีลข้อที่ 6,7 หรือ 8 นี่แหละครับ)เครื่องชงดื่มมักหมดอายุ ถ่านไฟฉายหมดอายุ แบตเยิ้ม ฯลฯ หรือแม้แต่ตัวภาชนะที่ใส่ คือถังก็ยังทำจากพลาสติกคุณภาพต่ำ ใส่อะไรได้แป๊บเดียวก็ฉีก แตก พัง เป็นต้นครับรายการจุดเปลี่ยนจึงได้ไปสอบถามพระสงฆ์จำนวนหนึ่ง แล้วจัดอันดับสิ่งของสังฆทานตามความจำเป็นในการใช้งาน รวม 10 อันดับ ซึ่งเรียงจากจำเป็นมากสุดไปน้อยที่สุดได้ ดังนี้1. เครื่องเขียน สมุด ปากกา ดินสอเนื่องจากพระสมัยนี้ต้องเรียนพระปริยัติธรรม และจดกำหนดนัดหมายต่างๆ ช่วยจำบางรูปท่านเป็นเหรัญญิกดูแลค่าใช้จ่าย ยิ่งต้องใช้มาก แต่ไม่ค่อยมีใครถวายเครื่องเขียนเหล่านี้พระท่านจึงต้องไปเดินหาซื้อเองเสมอ หากเราถวายไป พระท่านจะได้ใช้อย่างแน่นอนครับอันดับ 1 จึงตกเป็นของ "เครื่องเขียน" ไปอย่างพลิกความคาดหมาย (หรือว่าคุณทายถูกล่ะ ? เอ้อ)2. ใบมีดโกนตราขนนก (Feather) หรือยี่ห้อยินเลสเนื่องจากพระต้องโกนผมทุกวันโกน แต่ใบมีดยี่ห้ออื่น พระใช้โกนผมแล้วเลือดสาด !!! (>_<)ท่านจึงใช้ได้แค่ 2 ยี่ห้อนี้เท่านั้น อนึ่ง ใบมีดตราขนนกจะคมกว่ายินเลส ใช้ในการโกนครั้งแรกส่วนยินเลสจะใช้เก็บความเรียบร้อยอีกครั้ง หากท่านใดถวายใบมีด ก็ได้ชื่อว่าช่วยไม่ให้พระต้องเสียเลือดเนื้อทุกวันโกน ข้าพเจ้าเห็นว่าได้บุญดีกว่าให้ยาอีกนะท่าน (-_- )'''3. ผ้าไตรจีวร ที่มีความยาวพอที่จะนุ่งห่มได้ มีความหนาพอเหมาะสมเพราะผ้าที่ติดมากับถังเหลือง มันทั้งสั้น ทั้งเต่อ ทั้งบาง ทำให้พระท่านลำบากใจเวลาสวมใส่ขาดความมั่นใจ และเสียภาพลักษณ์ที่ดีของสงฆ์ ผู้ใดถวายผ้าไตรจีวร จึงได้อานิสงส์มากนักนี่ก็ใกล้จะถึงเทศกาลเข้าพรรษาแล้ว เตรียมผ้าอาบน้ำฝนไปถวายพระกันเถอะนะครับ4. หนังสือธรรมะ สารคดี นิตยสาร หรือที่ให้ความรู้ด้านอื่นๆเนื่องจากพระสงฆ์ มีหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา จึงจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ที่แตกฉานทั้งทางธรรม และรู้ทันข่าวสารบ้านเมือง เพื่อจะได้สาธก ยกตัวอย่างให้ชาวบ้านเข้าใจได้แจ่มแจ้งการถวายหนังสือเหล่านี้ จึงถือเป็นต้นทุนแห่งธรรมทาน ให้พระท่านได้นำไปต่อยอดกระจายสู่ผู้คนได้อีกมาก ทั้งยังถือเป็นการลงทุนที่ไม่มีความเสี่ยง แถมได้ผลตอบแทนสูงน่าลงทุนเป็นอย่างยิ่ง (ใครติดหุ้นอยู่น่าจะลองไปถวายหนังสือธรรมะแก้เคล็ดนะ ก๊ากกกก)5. รองเท้า(ยกเว้นพระนิกายธรรมยุตต์นะจ๊ะ สังเกตให้ดีล่ะว่าวัดที่เราไป พระท่านใส่รองเท้ากันหรือเปล่า)พระท่านต้องเดินบิณฑบาตร, ธุดงค์, ไปเรียนหนังสือ, ไปกิจนิมนต์ตามที่ต่างๆ,บางรูปต้องทำงานที่ใช้แรงงานในวัด เช่น ก่อสร้าง ทำสวน สิ่งที่ต้องรับภาระหนักก็คือ "รองเท้า"ที่มักจะขาด เสียหาย อยู่บ่อยๆ นั่นเอง รองเท้าจึงถือเป็นอีก item หนึ่งที่มีความสำคัญอย่างสูง6. ยาหลักๆ ที่จำเป็นยาสามัญประจำบ้าน ยาแก้ปวดหัว ปวดท้อง ยาแก้ไอ แก้ไข้ ลดกรดในกระเพาะอาหารยาใส่แผลสด แผลเปื่อย แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลพุพอง เป็นหนองผิวหนังอักเสบ เป็นหนอง ใช้ ...... (เรารู้นะว่าคุณเติมคำในช่องว่างได้ อิอิอิอิ ต้องไปดูโฆษณา สสส.)7. ผ้าขนหนูสีสุภาพ ไม่ต้องสีเหลืองก็ได้เพราะผ้าขนหนูที่ติดมากับถังเหลืองมักหยาบ เล็ก และคุณภาพต่ำ จนเอามาใช้ไม่ได้ในชีวิตจริง8. ชุดคอมพิวเตอร์อู้วววว ไฮโซไปนิดนึง แต่ถ้าใครรวบรวมเงินได้เป็นกอบเป็นกำอย่างกฐิน ผ้าป่าก็น่าพิจารณาถวายคอมพิวเตอร์แด่วัดที่ขาดแคลน ..ถ้าเป็นวัดที่อินเตอร์เน็ตเข้าไม่ถึงจะดีมากๆ ครับ(แอบห่วง กลัวเป็นต้นเหตุของข่าวพระนักแชท)9. น้ำยาเช็ดพื้นเหอ... งงไปเลย พระท่านจะเอาน้ำยาเช็ดพื้นไปทำอะไร ?? เฉลย ก็เอาไปผสมน้ำถูกุฏิ ศาลา อุโบสถ ไงจ๊ะ เพราะนอกจากจะช่วยผ่อนแรงในการทำความสะอาด สลายคราบแล้วบางยี่ห้อยังช่วยฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ในมูลนกพิราบ ฉี่หมา ฉี่แมว ฉี่หนู เห็บ หมัด ของหมาวัดได้อีกด้วย(เอ...แล้วถ้าพระ "ฆ่า" เชื้อโรคนี่จะผิดศีลข้อปาณาฯ มั้ยครับคุณ ??)10. แชมพูอ๊ากกกกก !!! พระท่านไม่มีผมแล้วจะเอาแชมพูไปทำไมเนี่ยแถมยังฮอตฮิตติดท็อปเท็นของที่มีประโยชน์อีกด้วยแซงหน้าไมโล โอวัลติน ชาเขียว ขิงผง สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ทิชชู่ ฯลฯที่เห็นสลอนอยู่ในถังเหลืองซะด้วยซี คืองี้ เมื่อพระท่านไม่มีผมมาปกป้องหนังศีรษะเนี่ยทั้งความร้อน ฝุ่นละออง เชื้อโรคต่างๆ ก็จะเข้าถึงหนังศีรษะของท่านได้โดยตรงแถมการรักษาสมดุลความชุ่มชื้นของหนังศีรษะก็จะเสียไป เพราะไม่มีผมปกคลุมทำให้หนังศีรษะของพระ มักจะแห้ง และเกิดโรคผิวหนังอยู่เสมอ เช่น ชันตุ เป็นต้นสิ่งที่จะช่วยบรรเทาได้ก็คือ แชมพูยา ที่มีส่วนผสมปกป้องหนังศีรษะ รักษาสมดุลสังเกตง่ายๆ ที่ฉลากจะมีคำว่า "Scalp" เป็นสำคัญ ยี่ห้อที่เป็นแบบนี้ก็มักจะเป็นพวกแชมพูขจัดรังแค อย่างคลินิค, แพนทีน, Head & Shoulder, ไนโซรัล เป็นต้นแต่น่าเศร้าใจ ที่ไม่มีใครถวายแชมพู พระท่านจึงจำต้องใช้สบู่แก้ขัดซึ่งทำให้ยิ่งคันหัว ศีรษะแห้งไปกันใหญ่ ดังนั้นจึงขอท่านโปรดจำไว้ว่าเราควรซื้อแชมพูไปถวายพระ แต่ก็เลือกสูตรกันนิดนึงนะครับ ให้เป็นสูตรดูแลหนังศีรษะเพราะถ้าเกิดเราเลือกสูตร "เพื่อผมนิ่มสลวยดำเงางาม" ไปถวายท่าน...ท่านอาจเข้าใจผิด คิดว่าเราแซวได้ครับการทำสังฆทาน นอกจากจะถวายเป็นสิ่งของแล้วอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ ก็คือ การบริจาคเงินให้กับโรงพยาบาลสงฆ์เพื่อช่วยเหลือพระภิกษุที่อาพาธครับถ้ามีโอกาส ขอความกรุณาส่งต่อ Forward ให้กับเพื่อนสนิท มิตรสหายเพื่อช่วยกันลดพาณิชย์อุบาทว์ สังฆทานถังเหลืองด้อยคุณภาพ และเพื่อลดความสูญเสียที่คนไทยเสียไปให้กับสังฆทานสำเร็จรูป ซึ่งคิดเป็นเงินหลายสิบล้านบาทต่อปีครับ(ทางรายการบอกว่า ของในถังพระท่านต้องทิ้งไปเสียเกือบครึ่ง ลองคิดดูครับว่าเป็นเงินเท่าไหร่)สุดท้ายนี้ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มีจิตเป็นกุศลนะครับ บุญรักษาครับ เค้าฝากมาเลยเอามาให้อ่านกันนะคะ
by Peung
by Peung
เคยอ่านข่าวนี้ป่ะ
"นาซา" ทึ่งเจ้าอาวาสวัดใน จ.แม่ฮ่องสอน คิดค้น "เครื่องลดมลภาวะ" ใช้พีระมิดผสานศูนย์แรงดึงดูดของกาแล็กซี เรียกลม-ฝน ชำระล้างมลพิษทางอากาศ ด้าน ดร.อาจอง ขอยืมทดลอง ยันพีระมิดดึงพลังงานได้จริง แต่พิสูจน์ไม่ได้ว่าคืออะไร ที่สำนักปฏิบัติธรรมสวนบูรณะรักษ์ธรรม เลขที่ 38/1 ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ พระอาจารย์รัตน์ รัตนญาโณ เจ้าอาวาสวัดดอยเกิ้ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน แถลงว่า ประสบความสำเร็จในการคิดค้นและประดิษฐ์เครื่องลดมลภาวะทางอากาศเครื่องลดภาวะโลกร้อน ประกอบด้วย พีระมิดรูปทรงสามเหลี่ยม มุม 60 องศา จำนวน 7 ก้อน โดยนำพีระมิดมาจัดเรียงแนวตั้ง แล้วพันรอบด้วยสายยาง ก่อนบรรจุน้ำเข้าไป ภายในติดตั้งปั๊มน้ำ เมื่อปั๊มน้ำทำงาน แรงดันจากปั๊มน้ำจะทำให้น้ำหมุนวนรอบพีระมิด จนเกิดเป็นเกลียววนจากขวาไปซ้ายตามศูนย์แรงดึงดูดของกาแล็กซีทางช้างเผือก แรงดึงดูดที่เกิดขึ้นจะถูกผลักขึ้นมาด้านบนของเครื่อง และจะทำให้น้ำบริเวณรอบวิ่งมาแทนที่และอากาศไหลตัวจนเกิดลมขึ้น ขณะที่เครื่องทำงานจะมีการดึงความชื้นและดึงดูดฝนให้ตกลงมารอบรัศมีของเครื่อง 5 กิโลเมตรนอกจากนี้ ยังดึงมลพิษทางอากาศเข้ามาทำลายทำให้อากาศสะอาด สำหรับพีระมิดซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของเครื่องทำจากแร่ชนิดหนึ่งซึ่งถูกค้นพบในถ้ำแห่งหนึ่งใน อ.แม่สะเรียง แร่ดังกล่าวยังไม่มีการบัญญัติศัพท์ในทางวิทยาศาสตร์ โดยแร่ดังกล่าวจะถูกนำมาผสมกับซีเมนต์ก่อนนำไปจัดเรียงไว้ในเครื่อง พระอาจารย์รัตน์กล่าวว่า เครื่องลดมลภาวะที่ทำขึ้นเป็นการผสมผสานกันระหว่างหลักการทางวิทยาศาสตร์และพลังจิตจากสมาธิ ซึ่งในการทำงานจะใช้พลังงานจากวัตถุ 80% ส่วนที่เหลืออีก 20% เป็นพลังจิต หากใครผลิตเลียนแบบก็ไม่สามารถใช้ได้ เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของพลังจิต ทั้งนี้เครื่องลดมลภาวะใช้เวลาศึกษาและทดลองนานกว่า 3 ปี จึงประสบความสำเร็จ โดยช่วงที่ จ.เชียงใหม่ ประสบปัญหามลพิษทางอากาศจนต้องประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อปี 2548 ได้นำเครื่องลดมลภาวะไปติดตั้งบริเวณแจ่งศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ปรากฏว่าทำให้อากาศบริเวณดังกล่าวมีค่ามลพิษน้อยกว่าจุดอื่นอย่างเห็นได้ชัด เครื่องที่คิดค้นขึ้นมาไม่คิดจะทำขายเชิงพาณิชย์ แต่ต้องการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริง ขณะนี้ผลิตเครื่องทั้งหมด 9 เครื่อง หากพื้นที่ใดที่ประสบปัญหาภัยแล้งสามารถมายืมเครื่องไปใช้ฟรี พระอาจารย์รัตน์กล่าวด้วยว่า ต้นปีที่ผ่านมามีบริษัทเอกชนจากประเทศสิงคโปร์มา
Wednesday, September 17, 2008
ดวงตามวัน
คนวันอาทิตย์ ดวงอาทิตย์ คือ สิ่งที่มักจะเริ่มต้นหรือก่อเกิด เช่น เริ่มต้นวันใหม่ คนเกิดวันอาทิตย์ จึงเป็นคนที่ชอบทำอะไรใหม่ ๆ เสมอ พระอาทิตย์ขึ้นแต่เช้ามืด คนเกิดวันอาทิตย์ก็มักจะเป็นคนที่ชอบตื่นเช้าเป็นส่วนใหญ่ ดวงอาทิตย์เป็นลูกไฟ ลูกมหึมา ร้อนแรงมาก ให้พลังงานมาก คนเกิดวันอาทิตย์ก็มักจะเป็นคนใจร้อนเป็นหลักเลย ถึงแม้ข้างนอกจะดูสุขุมนุ่มลึก แต่เชื่อเถอะภายในจิตใจร้อนระอุเชียวล่ะ และก็มีพลังในการทำอะไรต่อมิอะไรมากด้วย จริงจัง บ้าอำนาจ เผด็จการ ค่อนข้างเป็นคนดุ โกรธง่ายแต่ก็หายเร็วนะ โออ่าหรูหรา สง่างามสงบนิ่งน่าเกรงขาม เพื่อนฝูงเยอะ เพราะเป็นผู้ให้ ใจคอกว้างขวาง หาเงินเก่งและก็ใช้เงินเก่งด้วย รักชื่อเสียงเกียรติยศเป็นอย่างยิ่ง เสียอะไรไม่ว่าเสียหน้าข้าไม่ยอม จะทำอะไรต้ องมีมาดมีฟอร์ม และไม่ชอบที่จะอยู่นิ่ง ๆ มันร้อน ฉลาดเจ้าความคิด จัดระบบเก่ง ไม่ค่อยยอมคน ชอบเป็นผู้นำมากกว่าคล้อยตาม แต่จะชอบความเป็นอิสระไม่ขึ้นอยู่กับใครหรือไม่ชอบให้ใครมาบังคับ หยิ่งทะนงหรือมักจะเดินเชิด ๆ หน่อย หน้าที่การงาน ก็มักต้องทำงานที่มีเกียรติ หรืองานที่ได้เป็นใหญ่ เป็นเจ้าของ เป็นผู้นำ หรือ งานที่ทำแล้วดูน่าภาคภูมิใจ หรือทำงานในสถานที่ที่หรูหรา ใหญ่โตเป็น ที่รู้จักของคนทั่วไป สีที่เกี่ยวข้อง ก็พวกสีแดง สีขาว สีเงิน สีที่ร้อนแรง ก็ดวงอาทิตย์เป็นไฟขนาดนั้นน่ะ สุขภาพ มักเป็นโรคเครียด ระบบประสาท ความดัน หัวใจ ระบบหายใจ สายตา ตระคริว ลมชัก และ ปวดสันหลัง คนวันจันทร์ บอกแล้วว่าดวงจันทร์ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ไง มืดกับสว่างแต่ไม่ใช่ว่า
คนเกิดวันจันทร์จะมีนิสัยไม่ดีด้านมืดนะจ๊ะ แต่กลับตรงกันข้ามในบางด้านโดดเด่น คนที่เกิดวันจันทร์ เป็นคนที่ไม่ใจร้อนเหมือนคนวันอาทิตย์แต่ออกแนวโลเลไปมากว่า จะตัดสินใจอะไรได้สักอย่าง ตัดสินใจไม่ค่อยเก่งเดี๋ยวเอาเดี๋ยวไม่เอา ไม่คอยเชื่อมั่นในตัวเอง มองโลกในแง่ดี มักถูกหลอกได้ง่าย ๆ และบ่อย ๆ ก็บอกแล้วไงว่าดวงจันทร์มักเกี่ยวข้องกับน้ำขึ้นน้ำลงและอารมณ์ของมนุษย์ คนเกิดวันจันทร์จึงเอาแน่ไม่ค่อยได้เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เจ้าอารมณ์ขี้เกรงใจ น้อยใจเอาแต่ใจ แสนงอน ขี้อิจฉา ใจอ่อน บอบบางไม่แข็งแรงเหมือนคนวันอาทิตย์ แต่การพูดจามักไพเราะเป็นที่น่าฟัง ไม่ชอบความรุนแรง มีความอ่อนโยนมากกว่า มีเสน่ห์น่ารักในตัว อย่างเห็นได้ชัด มีจิตใจไวต่อความรัก เจ้าชู้ มินิสัยคล้ายเด็กอยู่ในตัว คือ อยากรู้อยากเห็นอยากได้โน่นได้นี่ พอได้รู้ได้เห็นแล้วก็เบื่ออยากเล่นอย่างอื่น ๆ หรือมอ งหาของใหม่ แล้วก็เป็นคนสนุกสนานแจ่มใสร่าเริง อารมณ์ดี รักสนุก รักธรรมชาติ รักสวยรักงาม ร้องเพลงเก่ง โรแมนติก หน้าที่การงาน มักจะทำงานอะไรที่นุ่มนวล เช่น พยาบาล หรืออาชีพที่เกี่ยวข้องกับน้ำ หรือธาตุเหลวต่าง ๆ หรือทำงานใกล้หรือในสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับน้ำเป็นส่วนใหญ่ หรือ เกี่ยวข้องกับสาธารณะชน เพราะมีเสน่ห์ดึงดูด สีที่เกี่ยวข้อง สีขาว นวล สีครีม สีเหลือง สีไข่มุก สุขภาพ โรคที่เกี่ยวกับต่อมน้ำเหลือง โรคที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน้าอก เต้านม และหลัง
คนวันอังคาร ดาวอังคารแต่โบราณถือว่าเป็นดาวแห่งสงคราม เพราะถ้าเรามองขึ้นไปบน ท้องฟ้าเราจะเห็นว่าดาวอังคารมีสีแดง เรียกว่าสู้รบกันจนเลือดสาด คนที่เกิดวันอังคารก็เช่นกันจึงมักเป็นคนที่ขี้หงุดหงิดมีโทสจริตง่าย ชอบทะเลาะวิวาท สีหน้าแสดงออกเลยถึงความรู้สึก เลือดร้อน อารมณ์ร้อน บุ่มบ่ามมุทะลุ ชอบเสี่ยงภัย ชอบใช้กำลัง บ้าขยันทำงาน กล้าหาญและอดทนมาก ชอบอาหารยังมีรสชาติที่ร้อนแรงเลย มีความคิดสร้างสรรค์เป็นนักกีฬา อยู่นิ่งไม่เป็น เป็นคนคล่องมาก...มาก ถ้าเป็นผู้หญิงสวยแค่ไหนก็มักจะซุ่มซ่าม ทำอะไรเสียงดังไม่ว่าจะเปิดปิดประตู หรือเดินเสียงดัง ไม่ค่อยเป็นผู้หญิง นิสัยโผงผาง กล้าหาญไม่กลัวใคร ในบางครั้งกลายเป็นคนก้าวร้าวก็มี แถมยังหยิ่งผยอง อยู่ตลอด เป็นคนจริงจังเปิดเผยไม่ค่อยท้อแท้ ปากกล้าวิชาดีฉลาด แก้ปัญหาได้ดี แต่ในบางครั้งก็ยอมหักไม่ยอมงอ ในบางครั้งคนเกิดวันอังคารก็น่ารัก ปรับตัวได้เก่ง อดทนสูง ควบคุมตัวเองได้ดี รักสงบ มีจิตใจดี พวกแข็งนอกอ่อนใน สามารถพึ่งลำแข้งของตัวเองได้ ไม่ยอมแพ้ใครง่าย ๆ หน ้าที่การงาน เนื่องจากดาวอังคารเปรียบเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม อาชีพหนีไม่ค่อยได้เกี่ยวข้องกับข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นั่นเอง หรืออาชีพที่มักจะใช้กำลังมากกว่าสมอง หรืองานที่ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ งานกลางแจ้งแต่ไม่ถึงกับ เป็นกรรมกรแบกหาม พ่อค้า นักกีฬา วิศวกรรม หรืองานที่ทันสมัยทันเหตุการณ์ เทคโนโลยีใหม่ ๆ พวกงานคอมพิวเตอร์ สีที่เกี่ยวข้อง สีชมพูเกือบแดง สีชมพูอ่อน ๆ สุขภาพ ต้องระวังโดนของมีคม ฟืนไฟ ซุ่มซ่ามโดนโน่นโดนนี่ โรคที่เกี่ยวกับสมอง
คนวันพุธ ดาวพุธเป็นดาวที่อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์มากที่สุดโบราณว่าไว้ว่าคนที่เกิดวันพุธมักหมายถึงปัญญา ความเฉลียวฉลาด มีไหวพริบปฏิภาณดี คล่อ งแคล่วว่องไวมาก เอาตัวรอดได้ตลอดเวลา ช่างพูด ช่างเจรจา จนในบางพุธกลายเป็นคนกะล่อน ฉลาดแกมโกง เจ้าเล่ห์ มีเล่ห์เหลี่ยม ชั้นเชิง เป็นนักธุรกิจได้ดี ดาวพุธเป็นดาวที่ค่อนข้างเกเรเอาแน่ไม่ค่อยได้ เป็นดาวที่เดินเร็วและยังไม่ค่อยแน่ว่าเมื่อไรจะหยุด เดินหน้าหรือถอยหลัง คนที่เกิดวันพุธเป็นคนที่ในบางครั้งเราจับทางไม่ถูกรวดเร็วทันใจ ไม่ว่าจะตัดสินใจเร็ว พูดเร็ว ทำอะไรเร็ว และปรับตัวได้เก่งมากไม่ว่าจะอยู่สภาวะใดก็ตาม ไม่ค่อยขัดแย้งใคร มีมนุษย์สัมพันธ์ดี ทำมาหากินเก่งแต่มักจะมีความโลเลไม่แน่นอน อยู่ในตัวตลอดเวลา ยิ่งถ้าเกิดกลางคืนแล้วล่ะก็ จะเข้มแข็งห้าวหาญไม่ค่อยเกรงกลัวอะไร บางครั้งก้าวร้าว พูดจาไม่ค่อยคิดมักขัดหูคนฟัง เจ้าอารมณ์ คนวันพุธมัก เรียนรู้อะไรได้เร็ว เชื่อคนง่าย รักใครรักจริงและขี้หึงด้วย เป็นคนสนุกสนานร่าเริง เป็นคนที่มองโลกในแง่ดี มีเมตตาไม่ชอบความรุนแรง หน้าที่การงาน ด้วยความที่คนเกิดวันพุธมักพูดเก่ง งานที่ถนัดก็เป็นพวก พี อาร์ ประชาสัมพันธ์ นักพูด นักคิดนักเขียน นักการทูต ครู นายหน้า แม่ค้าพ่อค้า เลขา ทนายความ นักการเมือง งานที่ใช้สมองและปากในการหากิน สีที่เกี่ยวข้อง สีเขียวมรกต สีธรรมชาติ สุขภาพ ระบบประสาท ระบบหายใจ โรคที่เกี่ยวกับลำคอ หวัด หอบหืด ระบบเสีย และระบบการฟัง คนวันพฤหัสบดี ดาวพฤหัสเป็นดาวที่มีขนาดใหญ่อย่างที่เรารู้ ๆ กัน โบราณท่านว่า
คนที่เกิดวันพฤหัสบดีเป็นคนที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ พูดอะไร คนที่ได้ยินได้ฟังก็จะเคารพนับถือ เชื่อฟัง เลยยกให้เป็นวันครูไง ทางโหราศาสตร์ ดาวพฤหัสยกให้เป็นประธานของความดีงาม มีคุณธรรมสูง มีหน้าที่ปกป้องคุ้มครอง เป็นที่น่าชื่นชมและน่ายกย่อ ง คุณสมบัติของคนที่เกิดวันพฤหัสบดี จึงมักหมายถึงผู้ที่มีปัญญาดีเฉลียวฉลาด เป็นนักปราชญ์ผู้รอบรู้ เป็นคนที่มักไม่ค่อยตกอับ เพราะเป็นคนดี แม้ในบางพฤหัสก็มีที่ผิดแผกแตกต่างจากพี่น้องไปบ้าง เช่นอาจดูเป็นพวกมีเล่ห์เหลี่ยม หรือทำอะไรไม่ค่อยเหมือนที่ชาวบ้านชาวช่องเขาคิด เขาทำกันไปบ้างแต่ยังไงก็จะเป็นคนที่มีเหตุมีผล พอจะมีสติยั้งคิดได้และมีคุณธรรมประจำใจอยู่ดีนั่นแหล่ะ
คนวันพฤหัสมักเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับศาสนา การศึกษา มีความเพียร มีความมุ่งมั่นที่ดี สงบสันโดษ มีคุณธรรม มองโลกในแง่ดี ใจอ่อน ขี้เกรงใจ รักบ้านรักครอบครัว แต่กลับเป็นคนเจ้าอารมณ์ ขี้หงุดหงิด ขี้เบื่อ ขี้เหงา ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ถ้าดื้อจะดื้อหัวชนฝาเลยล่ะ ชอบเป็นที่ปรึกษาให้ชาวบ้านชาวช่อง ชอบพูดชอบสอนแนะนำ มองการณ์ไกล แต่ก็มีนะที่อะไรใกล้ ๆ หรื่อเรื่องของตัวเองกลับนึกไม่ค่อยออกเลยแก้ปัญหาของตัวเองไม่ค่อยได้ หน้าที่การงาน ครูบาอาจารย์ ทนายความเพราะเป็นคนที่รอบรู้ อาชีพอะไรก็ได้ ที่เกี่ยว
คนเกิดวันจันทร์จะมีนิสัยไม่ดีด้านมืดนะจ๊ะ แต่กลับตรงกันข้ามในบางด้านโดดเด่น คนที่เกิดวันจันทร์ เป็นคนที่ไม่ใจร้อนเหมือนคนวันอาทิตย์แต่ออกแนวโลเลไปมากว่า จะตัดสินใจอะไรได้สักอย่าง ตัดสินใจไม่ค่อยเก่งเดี๋ยวเอาเดี๋ยวไม่เอา ไม่คอยเชื่อมั่นในตัวเอง มองโลกในแง่ดี มักถูกหลอกได้ง่าย ๆ และบ่อย ๆ ก็บอกแล้วไงว่าดวงจันทร์มักเกี่ยวข้องกับน้ำขึ้นน้ำลงและอารมณ์ของมนุษย์ คนเกิดวันจันทร์จึงเอาแน่ไม่ค่อยได้เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เจ้าอารมณ์ขี้เกรงใจ น้อยใจเอาแต่ใจ แสนงอน ขี้อิจฉา ใจอ่อน บอบบางไม่แข็งแรงเหมือนคนวันอาทิตย์ แต่การพูดจามักไพเราะเป็นที่น่าฟัง ไม่ชอบความรุนแรง มีความอ่อนโยนมากกว่า มีเสน่ห์น่ารักในตัว อย่างเห็นได้ชัด มีจิตใจไวต่อความรัก เจ้าชู้ มินิสัยคล้ายเด็กอยู่ในตัว คือ อยากรู้อยากเห็นอยากได้โน่นได้นี่ พอได้รู้ได้เห็นแล้วก็เบื่ออยากเล่นอย่างอื่น ๆ หรือมอ งหาของใหม่ แล้วก็เป็นคนสนุกสนานแจ่มใสร่าเริง อารมณ์ดี รักสนุก รักธรรมชาติ รักสวยรักงาม ร้องเพลงเก่ง โรแมนติก หน้าที่การงาน มักจะทำงานอะไรที่นุ่มนวล เช่น พยาบาล หรืออาชีพที่เกี่ยวข้องกับน้ำ หรือธาตุเหลวต่าง ๆ หรือทำงานใกล้หรือในสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับน้ำเป็นส่วนใหญ่ หรือ เกี่ยวข้องกับสาธารณะชน เพราะมีเสน่ห์ดึงดูด สีที่เกี่ยวข้อง สีขาว นวล สีครีม สีเหลือง สีไข่มุก สุขภาพ โรคที่เกี่ยวกับต่อมน้ำเหลือง โรคที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน้าอก เต้านม และหลัง
คนวันอังคาร ดาวอังคารแต่โบราณถือว่าเป็นดาวแห่งสงคราม เพราะถ้าเรามองขึ้นไปบน ท้องฟ้าเราจะเห็นว่าดาวอังคารมีสีแดง เรียกว่าสู้รบกันจนเลือดสาด คนที่เกิดวันอังคารก็เช่นกันจึงมักเป็นคนที่ขี้หงุดหงิดมีโทสจริตง่าย ชอบทะเลาะวิวาท สีหน้าแสดงออกเลยถึงความรู้สึก เลือดร้อน อารมณ์ร้อน บุ่มบ่ามมุทะลุ ชอบเสี่ยงภัย ชอบใช้กำลัง บ้าขยันทำงาน กล้าหาญและอดทนมาก ชอบอาหารยังมีรสชาติที่ร้อนแรงเลย มีความคิดสร้างสรรค์เป็นนักกีฬา อยู่นิ่งไม่เป็น เป็นคนคล่องมาก...มาก ถ้าเป็นผู้หญิงสวยแค่ไหนก็มักจะซุ่มซ่าม ทำอะไรเสียงดังไม่ว่าจะเปิดปิดประตู หรือเดินเสียงดัง ไม่ค่อยเป็นผู้หญิง นิสัยโผงผาง กล้าหาญไม่กลัวใคร ในบางครั้งกลายเป็นคนก้าวร้าวก็มี แถมยังหยิ่งผยอง อยู่ตลอด เป็นคนจริงจังเปิดเผยไม่ค่อยท้อแท้ ปากกล้าวิชาดีฉลาด แก้ปัญหาได้ดี แต่ในบางครั้งก็ยอมหักไม่ยอมงอ ในบางครั้งคนเกิดวันอังคารก็น่ารัก ปรับตัวได้เก่ง อดทนสูง ควบคุมตัวเองได้ดี รักสงบ มีจิตใจดี พวกแข็งนอกอ่อนใน สามารถพึ่งลำแข้งของตัวเองได้ ไม่ยอมแพ้ใครง่าย ๆ หน ้าที่การงาน เนื่องจากดาวอังคารเปรียบเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม อาชีพหนีไม่ค่อยได้เกี่ยวข้องกับข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นั่นเอง หรืออาชีพที่มักจะใช้กำลังมากกว่าสมอง หรืองานที่ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ งานกลางแจ้งแต่ไม่ถึงกับ เป็นกรรมกรแบกหาม พ่อค้า นักกีฬา วิศวกรรม หรืองานที่ทันสมัยทันเหตุการณ์ เทคโนโลยีใหม่ ๆ พวกงานคอมพิวเตอร์ สีที่เกี่ยวข้อง สีชมพูเกือบแดง สีชมพูอ่อน ๆ สุขภาพ ต้องระวังโดนของมีคม ฟืนไฟ ซุ่มซ่ามโดนโน่นโดนนี่ โรคที่เกี่ยวกับสมอง
คนวันพุธ ดาวพุธเป็นดาวที่อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์มากที่สุดโบราณว่าไว้ว่าคนที่เกิดวันพุธมักหมายถึงปัญญา ความเฉลียวฉลาด มีไหวพริบปฏิภาณดี คล่อ งแคล่วว่องไวมาก เอาตัวรอดได้ตลอดเวลา ช่างพูด ช่างเจรจา จนในบางพุธกลายเป็นคนกะล่อน ฉลาดแกมโกง เจ้าเล่ห์ มีเล่ห์เหลี่ยม ชั้นเชิง เป็นนักธุรกิจได้ดี ดาวพุธเป็นดาวที่ค่อนข้างเกเรเอาแน่ไม่ค่อยได้ เป็นดาวที่เดินเร็วและยังไม่ค่อยแน่ว่าเมื่อไรจะหยุด เดินหน้าหรือถอยหลัง คนที่เกิดวันพุธเป็นคนที่ในบางครั้งเราจับทางไม่ถูกรวดเร็วทันใจ ไม่ว่าจะตัดสินใจเร็ว พูดเร็ว ทำอะไรเร็ว และปรับตัวได้เก่งมากไม่ว่าจะอยู่สภาวะใดก็ตาม ไม่ค่อยขัดแย้งใคร มีมนุษย์สัมพันธ์ดี ทำมาหากินเก่งแต่มักจะมีความโลเลไม่แน่นอน อยู่ในตัวตลอดเวลา ยิ่งถ้าเกิดกลางคืนแล้วล่ะก็ จะเข้มแข็งห้าวหาญไม่ค่อยเกรงกลัวอะไร บางครั้งก้าวร้าว พูดจาไม่ค่อยคิดมักขัดหูคนฟัง เจ้าอารมณ์ คนวันพุธมัก เรียนรู้อะไรได้เร็ว เชื่อคนง่าย รักใครรักจริงและขี้หึงด้วย เป็นคนสนุกสนานร่าเริง เป็นคนที่มองโลกในแง่ดี มีเมตตาไม่ชอบความรุนแรง หน้าที่การงาน ด้วยความที่คนเกิดวันพุธมักพูดเก่ง งานที่ถนัดก็เป็นพวก พี อาร์ ประชาสัมพันธ์ นักพูด นักคิดนักเขียน นักการทูต ครู นายหน้า แม่ค้าพ่อค้า เลขา ทนายความ นักการเมือง งานที่ใช้สมองและปากในการหากิน สีที่เกี่ยวข้อง สีเขียวมรกต สีธรรมชาติ สุขภาพ ระบบประสาท ระบบหายใจ โรคที่เกี่ยวกับลำคอ หวัด หอบหืด ระบบเสีย และระบบการฟัง คนวันพฤหัสบดี ดาวพฤหัสเป็นดาวที่มีขนาดใหญ่อย่างที่เรารู้ ๆ กัน โบราณท่านว่า
คนที่เกิดวันพฤหัสบดีเป็นคนที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ พูดอะไร คนที่ได้ยินได้ฟังก็จะเคารพนับถือ เชื่อฟัง เลยยกให้เป็นวันครูไง ทางโหราศาสตร์ ดาวพฤหัสยกให้เป็นประธานของความดีงาม มีคุณธรรมสูง มีหน้าที่ปกป้องคุ้มครอง เป็นที่น่าชื่นชมและน่ายกย่อ ง คุณสมบัติของคนที่เกิดวันพฤหัสบดี จึงมักหมายถึงผู้ที่มีปัญญาดีเฉลียวฉลาด เป็นนักปราชญ์ผู้รอบรู้ เป็นคนที่มักไม่ค่อยตกอับ เพราะเป็นคนดี แม้ในบางพฤหัสก็มีที่ผิดแผกแตกต่างจากพี่น้องไปบ้าง เช่นอาจดูเป็นพวกมีเล่ห์เหลี่ยม หรือทำอะไรไม่ค่อยเหมือนที่ชาวบ้านชาวช่องเขาคิด เขาทำกันไปบ้างแต่ยังไงก็จะเป็นคนที่มีเหตุมีผล พอจะมีสติยั้งคิดได้และมีคุณธรรมประจำใจอยู่ดีนั่นแหล่ะ
คนวันพฤหัสมักเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับศาสนา การศึกษา มีความเพียร มีความมุ่งมั่นที่ดี สงบสันโดษ มีคุณธรรม มองโลกในแง่ดี ใจอ่อน ขี้เกรงใจ รักบ้านรักครอบครัว แต่กลับเป็นคนเจ้าอารมณ์ ขี้หงุดหงิด ขี้เบื่อ ขี้เหงา ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ถ้าดื้อจะดื้อหัวชนฝาเลยล่ะ ชอบเป็นที่ปรึกษาให้ชาวบ้านชาวช่อง ชอบพูดชอบสอนแนะนำ มองการณ์ไกล แต่ก็มีนะที่อะไรใกล้ ๆ หรื่อเรื่องของตัวเองกลับนึกไม่ค่อยออกเลยแก้ปัญหาของตัวเองไม่ค่อยได้ หน้าที่การงาน ครูบาอาจารย์ ทนายความเพราะเป็นคนที่รอบรู้ อาชีพอะไรก็ได้ ที่เกี่ยว
Labels:
วันจันทร์,
วันพฤหัสบดี,
วันพุธ,
วันอังคาร,
วันอาทิตย์
เปิดโลกกว้าง - มรดกโลกยูเนสโก-ล้ำค่าเหนือการเมือง
เปิดโลกกว้าง - มรดกโลกยูเนสโก-ล้ำค่าเหนือการเมือง
มรดกโลกยูเนสโก-ล้ำค่าเหนือการเมือง ปิดฉากลงไปเรียบร้อยสำหรับการประชุมคณะกรรมการพิจารณามรดกโลก ในการกำกับดูแลขององค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ที่เมืองควิเบก ประเทศแคนาดา
ซึ่งมีการพิจารณาคัดสรรสถานที่สำคัญๆ ของประเทศต่างๆ มาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เพื่ออนุรักษ์ไว้ให้แก่คนรุ่นหลังได้สัมผัสถึงความงดงาม ยิ่งใหญ่ และน่าทึ่งของสถานที่เหล่านั้น
นอกเหนือจากปราสาทพระวิหารที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วนั้น ยังมีสถานที่สวยงามอีกมากมายที่ได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลก ซึ่งวันนี้ ทีมข่าวต่างประเทศ "คม ชัด ลึก" จะพาท่านผู้อ่านไปรู้จักกับสถานที่ต่างๆ ที่เพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียน ซึ่งปีนี้มีมากถึง 27 แห่ง แบ่งเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม 19 แห่ง และมรดกโลกทางธรรมชาติอีก 8 แห่ง
มรดกโลกทางวัฒนธรรม
1.เขาพระวิหาร ประเทศกัมพูชา นาทีนี้คงไม่ต้องบรรยายสถานที่ตั้งของปราสาทหินอายุนับพันปีแห่งนี้ให้ละเอียด เพราะเชื่อว่าหลายท่านคงทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ขอพูดถึงศิลปะความงามของปราสาทแห่งนี้ ที่มีศิลปะแบบบันทายศรีคล้ายคลึงกับปราสาทนครวัด เชื่อกันว่าสร้างขึ้นเพื่อถวายพระศิวะที่ประทับอย่บนยอดเขาไกรลาส ยอดเขาสูงสุดของเขาพระสุเมรุ ศูนย์กลางจักรวาล ตัวปราสาทจึงสร้างอยู่บนหน้าผาเป้ยตาดีติดพรมแดนไทย-กัมพูชา หากมองจากข้างล่างจะเห็นตัวปราสาทเหมือนวิมานสวรรค์ลอยอยู่บนฟ้า
2.บ้านดิน ถูโหลว มณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน อาคารดินโบราณในมณฑลฝูเจี้ยนที่สร้างขึ้นจากดินเป็นตึกทรงกลมสูงหลายชั้น มีเป้าหมายเพื่อป้องกันศัตรูผู้รุกราน ภายในตัวอาคารแต่ละแห่งมีการวางแผนผังสาธารณูปโภคภายในเป็นอย่างดี เริ่มก่อสร้างตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 1709
3.ที่ราบสตารี กราด ประเทศโครเอเชีย เมืองที่มีบ้านเรือนและวิวทิวทัศน์รุ่มรวยไปด้วยวัฒนธรรมกรีกโบราณ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล อาคารที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้จนถึงทุกวันนี้แสดงให้เห็นถึงอัจฉริยะของนักออกแบบด้านเรขาคณิตในยุคโบราณ
4.ศูนย์ประวัติศาสตร์หมู่บ้านกามากูเอย์ ประเทศคิวบา กลุ่มอาคารโบราณแบบยุคอาณานิคมที่สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 มีทั้งโบสถ์ บ้านขุนนางขนาดใหญ่ และสถานที่ราชการที่มีการออกแบบทางสถาปัตยกรรม ภูมิทัศน์ และทางวัฒนธรรมอย่างสวยงามจนไม่อาจปฏิเสธได้
5.ป้อมปราการแห่งโวบอง ประเทศฝรั่งเศส เกิดจากแนวคิดของจอมพลมาร์คี เดอ โวบอง แห่งฝรั่งเศส ที่ได้รับการยกย่องให้เห็นนายทหารช่างเก่งกาจที่สุดของแผ่นดิน โดยจอมพลโวบองแสดงความสามารถด้วยการเป็นทั้งผู้ออกแบบและสร้างขึ้นเอง ทั้งยังเคยถวายคำปรึกษาแด่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เรื่องการรวบรวมพรมแดนฝรั่งเศสให้เป็นปึกแผ่นเดียวกัน เพื่อทำให้ชายแดนแข็งแกร่งขึ้น
6.การเคหะเบอร์ลิน โมเดิร์นนิสซึ่ม ประเทศเยอรมนี บ้านการเคหะแนวใหม่ 6 แห่ง ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 1900 ด้วยการออกแบบของสถาปนิกชาวเยอรมันหลายคน ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีอิทธิพลต่อการวางผังเมืองและสถาปัตยกรรมยุคใหม่
7.ป้อมวิหารอาร์เมเนีย ประเทศอิหร่าน โบสถ์อาร์เมเนียนโบราณที่โดดเด่นด้วยยอดโดมสูง 2 โดม สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อ 68 ปีก่อนคริสตกาล เพื่ออุทิศให้แก่เซนต์ธัดเดอุส หรือเซนต์จู๊ด ที่ต่อมาได้ยอมสละชีพระหว่างเผยแผ่ศาสนาคริสต์ ก่อนจะถูกแผ่นดินไหวทำลายสิ้นในปี ค.ศ.1319 และสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งเมื่อปี ค.ศ.1329 และมีการต่อเติมเรื่อยๆ โดยสิ่งปลูกสร้างที่ใหม่ที่สุดย้อนหลังไปถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19
8.สถานที่ศักดิ์สิทธิ์บาฮาอิในเมืองไฮฟา และกาลิลีตะวันออก ประเทศอิสราเอล สถานที่สำคัญทางศาสนาบาฮาอิ ซึ่งมีการออกแบบสิ่งปลูกสร้างทั้งตัววิหารและสถานที่ภายในอย่างสวยงาม ตั้งตระหง่านอยู่บนหุบเขาคล้ายเมืองสวรรค์
9.เมืองมันตูอาและซับบิโอเนตา ประเทศอิตาลี เมืองเก่าทรงเสน่ห์ทางเหนือของอิตาลี ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11
10.ผืนป่ามิจิเคนดา คายา ประเทศเคนยา ตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งทางตอนใต้ของเคนยา เต็มไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และมีชนเผ่ามิจิเคนดาหลายเผ่าที่อยู่กันมานานหลายศตวรรษ และร่วมกันรักษาผืนป่าแห่งนี้เอาไว้
11.เมืองประวัติศาสตร์มะละกา และจอร์จทาวน์ ประเทศมาเลเซีย เมืองอดีตอาณานิคมที่เต็มไปด้วยสีสันของประวัติศาสตร์ที่ยังสามารถสัมผัสได้จนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะอาคารสีแดง และสามล้ออันเป็นเอกลักษณ์
12.เมืองโบราณซานมิเกล และวิหารจีซัส เดอะ นาซาเรโน เดอะ อาโตโตนิลโค ประเทศเม็กซิโก ซานมิเกลเป็นเมืองปราการที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 16 ผสมผสานศิลปะแบบเม็กซิกันบาโรค ส่วนวิหารจีซัสฯ ที่สร้างขึ้นสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18 ยังเป็นหนึ่งในศิลปะกรรมและสถาปัตยกรรมแบบบาโรคที่วิจิตรงดงามที่สุดด้วย
13.ภูมิทัศน์เลอ มอร์น ประเทศมอริเชียส ภาพทิวทัศน์สวยงามของมหาสมุทรอินเดียจากยอดเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ
14.แหล่งกสิกรรมปฐมภูมิกุก ประเทศปาปัวนิวกินี ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งแรกของประเทศ จากการที่เป็นแหล่งผลิตอาหารมาตั้งแต่ 1 หมื่นปีก่อนคริสตกาล และยังคงมีการทำกสิกรรมจนถึงปัจจุบัน
15.แหล่งประวัติศาสตร์ซานมารีโน และภูเขาติตาโน ประเทศซานมารีโน ประเทศเล็กๆ ทางเหนือของอิตาลี แต่ยิ่งใหญ่ไปด้วยศิลปวัฒนธรรมที่คนในท้องถิ่นอ้างว่าสั่งสมมาตั้งแต่ปี ค.ศ.301 เป็นประเทศสาธารณรัฐเก่าแก่ที่สุดของโลก
16.แหล่งโบราณคดีอัล-ฮิจร์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ขึ้นแท่นมรดกโลกแห่งแรกของประเทศ ชื่อเดิมคือ เฮกรา แหล่งอารยธรรมใหญ่ที่สุดแห่งนาบาเทียน ทางใต้ของเมืองเพตรา ในจอร์แดน ภายในถ้ำโบราณมีหลุมศพที่มีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล
17.โบสถ์ไม้สโลวักแห่งภูเขาคาร์ปาเทียน ประเทศสโลวะเกีย โบสถ์ทรงแปลกตาที่สร้างขึ้นระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 16-18 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรุ่มรวยของสถาปัตยกรรมทางศาสนาของท้องถิ่น
18.ทางรถไฟเรเชียนในอัลบูลา และภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมแบร์นินา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี ทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ซึ่งเต็มไปด้วยทิวทัศน์สวยงามของเทือกเขาแอลป์ตลอดความยาว 67 กิโลเมตร
19.ภูมิทัศน์ชีฟ รอย มาตา ประเทศวานูอาตู ทิวทัศน์อันงดงามเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก และเป็นมรดกโลกแห่งแรกของประเทศ
มรดกโลกทางธรรมชาติ
20. ผาจ็อกกินส์ ฟอสซิล ประเทศแคนาดา หน้าผาที่เก็บรวบรวมสิ่งมีชีวิตและประวัติศาสตร์โลกมนุษย์ย้อนหลังไปได้ถึง 310 ล้านปีที่แล้ว
21.วนอุทยานแห่งชาติเทือกเขาซันฉิงซาน มณฑลเจียงสี ประเทศจีน ริ้วหมอกปลิวผ่านหินผา ภูมิทัศน์สุดอลังการแห่งแดนมังกร
22.ทะเลสาบนิว คาเลโดเนีย ประเทศฝรั่งเศส เต็มไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และปะการังใต้ทะเล
23.เกาะเซิร์ทซีย์ ประเทศไอซ์แลนด์ เกาะภูเขาไฟทางใต้ของประเทศ
24.ที่ราบและทะเลสาบซาร์ยาร์กา ทางเหนือของคาซัคสถาน ที่ราบไร้ไม้ใหญ่กินอาณาบริเวณ 804,500 ตารางกิโลเมตร เป็นที่ราบแห้งแล้งที่สุดบนผืนโลก
25.เขตอนุรักษ์พันธุ์ผีเสื้อโมนาร์ค ประเทศเม็กซิโก ผีเสื้อพันธุ์ใหญ่ของโลก
26.เปลือกโลกซาร์โดนา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ได้รับการยกย่องจากปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาของแผ่นเปลือกโลกที่ไม่เหมือนที่ใดในโลก
27.หมู่เกาะโซโคตรา ประเทศเยเมน เป็นหนึ่งในผืนทวีปเก่าแก่ที่แยกตัวออกมาเมื่อ 6 ล้านปีก่อน ซึ่งบนเกาะยังเต็มไปด้วยสภาพนิเวศที่ตกทอดมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์
...เมื่อรับทราบถึงคุณค่าของสถานที่นั้นๆ แล้ว การเมืองหรือสิ่งอื่นใดก็ไม่มีค่าเทียบทันความงามของมรดกโลกเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย
มรดกโลกยูเนสโก-ล้ำค่าเหนือการเมือง ปิดฉากลงไปเรียบร้อยสำหรับการประชุมคณะกรรมการพิจารณามรดกโลก ในการกำกับดูแลขององค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ที่เมืองควิเบก ประเทศแคนาดา
ซึ่งมีการพิจารณาคัดสรรสถานที่สำคัญๆ ของประเทศต่างๆ มาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เพื่ออนุรักษ์ไว้ให้แก่คนรุ่นหลังได้สัมผัสถึงความงดงาม ยิ่งใหญ่ และน่าทึ่งของสถานที่เหล่านั้น
นอกเหนือจากปราสาทพระวิหารที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วนั้น ยังมีสถานที่สวยงามอีกมากมายที่ได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลก ซึ่งวันนี้ ทีมข่าวต่างประเทศ "คม ชัด ลึก" จะพาท่านผู้อ่านไปรู้จักกับสถานที่ต่างๆ ที่เพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียน ซึ่งปีนี้มีมากถึง 27 แห่ง แบ่งเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม 19 แห่ง และมรดกโลกทางธรรมชาติอีก 8 แห่ง
มรดกโลกทางวัฒนธรรม
1.เขาพระวิหาร ประเทศกัมพูชา นาทีนี้คงไม่ต้องบรรยายสถานที่ตั้งของปราสาทหินอายุนับพันปีแห่งนี้ให้ละเอียด เพราะเชื่อว่าหลายท่านคงทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ขอพูดถึงศิลปะความงามของปราสาทแห่งนี้ ที่มีศิลปะแบบบันทายศรีคล้ายคลึงกับปราสาทนครวัด เชื่อกันว่าสร้างขึ้นเพื่อถวายพระศิวะที่ประทับอย่บนยอดเขาไกรลาส ยอดเขาสูงสุดของเขาพระสุเมรุ ศูนย์กลางจักรวาล ตัวปราสาทจึงสร้างอยู่บนหน้าผาเป้ยตาดีติดพรมแดนไทย-กัมพูชา หากมองจากข้างล่างจะเห็นตัวปราสาทเหมือนวิมานสวรรค์ลอยอยู่บนฟ้า
2.บ้านดิน ถูโหลว มณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน อาคารดินโบราณในมณฑลฝูเจี้ยนที่สร้างขึ้นจากดินเป็นตึกทรงกลมสูงหลายชั้น มีเป้าหมายเพื่อป้องกันศัตรูผู้รุกราน ภายในตัวอาคารแต่ละแห่งมีการวางแผนผังสาธารณูปโภคภายในเป็นอย่างดี เริ่มก่อสร้างตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 1709
3.ที่ราบสตารี กราด ประเทศโครเอเชีย เมืองที่มีบ้านเรือนและวิวทิวทัศน์รุ่มรวยไปด้วยวัฒนธรรมกรีกโบราณ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล อาคารที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้จนถึงทุกวันนี้แสดงให้เห็นถึงอัจฉริยะของนักออกแบบด้านเรขาคณิตในยุคโบราณ
4.ศูนย์ประวัติศาสตร์หมู่บ้านกามากูเอย์ ประเทศคิวบา กลุ่มอาคารโบราณแบบยุคอาณานิคมที่สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 มีทั้งโบสถ์ บ้านขุนนางขนาดใหญ่ และสถานที่ราชการที่มีการออกแบบทางสถาปัตยกรรม ภูมิทัศน์ และทางวัฒนธรรมอย่างสวยงามจนไม่อาจปฏิเสธได้
5.ป้อมปราการแห่งโวบอง ประเทศฝรั่งเศส เกิดจากแนวคิดของจอมพลมาร์คี เดอ โวบอง แห่งฝรั่งเศส ที่ได้รับการยกย่องให้เห็นนายทหารช่างเก่งกาจที่สุดของแผ่นดิน โดยจอมพลโวบองแสดงความสามารถด้วยการเป็นทั้งผู้ออกแบบและสร้างขึ้นเอง ทั้งยังเคยถวายคำปรึกษาแด่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เรื่องการรวบรวมพรมแดนฝรั่งเศสให้เป็นปึกแผ่นเดียวกัน เพื่อทำให้ชายแดนแข็งแกร่งขึ้น
6.การเคหะเบอร์ลิน โมเดิร์นนิสซึ่ม ประเทศเยอรมนี บ้านการเคหะแนวใหม่ 6 แห่ง ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 1900 ด้วยการออกแบบของสถาปนิกชาวเยอรมันหลายคน ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีอิทธิพลต่อการวางผังเมืองและสถาปัตยกรรมยุคใหม่
7.ป้อมวิหารอาร์เมเนีย ประเทศอิหร่าน โบสถ์อาร์เมเนียนโบราณที่โดดเด่นด้วยยอดโดมสูง 2 โดม สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อ 68 ปีก่อนคริสตกาล เพื่ออุทิศให้แก่เซนต์ธัดเดอุส หรือเซนต์จู๊ด ที่ต่อมาได้ยอมสละชีพระหว่างเผยแผ่ศาสนาคริสต์ ก่อนจะถูกแผ่นดินไหวทำลายสิ้นในปี ค.ศ.1319 และสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งเมื่อปี ค.ศ.1329 และมีการต่อเติมเรื่อยๆ โดยสิ่งปลูกสร้างที่ใหม่ที่สุดย้อนหลังไปถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19
8.สถานที่ศักดิ์สิทธิ์บาฮาอิในเมืองไฮฟา และกาลิลีตะวันออก ประเทศอิสราเอล สถานที่สำคัญทางศาสนาบาฮาอิ ซึ่งมีการออกแบบสิ่งปลูกสร้างทั้งตัววิหารและสถานที่ภายในอย่างสวยงาม ตั้งตระหง่านอยู่บนหุบเขาคล้ายเมืองสวรรค์
9.เมืองมันตูอาและซับบิโอเนตา ประเทศอิตาลี เมืองเก่าทรงเสน่ห์ทางเหนือของอิตาลี ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11
10.ผืนป่ามิจิเคนดา คายา ประเทศเคนยา ตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งทางตอนใต้ของเคนยา เต็มไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และมีชนเผ่ามิจิเคนดาหลายเผ่าที่อยู่กันมานานหลายศตวรรษ และร่วมกันรักษาผืนป่าแห่งนี้เอาไว้
11.เมืองประวัติศาสตร์มะละกา และจอร์จทาวน์ ประเทศมาเลเซีย เมืองอดีตอาณานิคมที่เต็มไปด้วยสีสันของประวัติศาสตร์ที่ยังสามารถสัมผัสได้จนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะอาคารสีแดง และสามล้ออันเป็นเอกลักษณ์
12.เมืองโบราณซานมิเกล และวิหารจีซัส เดอะ นาซาเรโน เดอะ อาโตโตนิลโค ประเทศเม็กซิโก ซานมิเกลเป็นเมืองปราการที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 16 ผสมผสานศิลปะแบบเม็กซิกันบาโรค ส่วนวิหารจีซัสฯ ที่สร้างขึ้นสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18 ยังเป็นหนึ่งในศิลปะกรรมและสถาปัตยกรรมแบบบาโรคที่วิจิตรงดงามที่สุดด้วย
13.ภูมิทัศน์เลอ มอร์น ประเทศมอริเชียส ภาพทิวทัศน์สวยงามของมหาสมุทรอินเดียจากยอดเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ
14.แหล่งกสิกรรมปฐมภูมิกุก ประเทศปาปัวนิวกินี ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งแรกของประเทศ จากการที่เป็นแหล่งผลิตอาหารมาตั้งแต่ 1 หมื่นปีก่อนคริสตกาล และยังคงมีการทำกสิกรรมจนถึงปัจจุบัน
15.แหล่งประวัติศาสตร์ซานมารีโน และภูเขาติตาโน ประเทศซานมารีโน ประเทศเล็กๆ ทางเหนือของอิตาลี แต่ยิ่งใหญ่ไปด้วยศิลปวัฒนธรรมที่คนในท้องถิ่นอ้างว่าสั่งสมมาตั้งแต่ปี ค.ศ.301 เป็นประเทศสาธารณรัฐเก่าแก่ที่สุดของโลก
16.แหล่งโบราณคดีอัล-ฮิจร์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ขึ้นแท่นมรดกโลกแห่งแรกของประเทศ ชื่อเดิมคือ เฮกรา แหล่งอารยธรรมใหญ่ที่สุดแห่งนาบาเทียน ทางใต้ของเมืองเพตรา ในจอร์แดน ภายในถ้ำโบราณมีหลุมศพที่มีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล
17.โบสถ์ไม้สโลวักแห่งภูเขาคาร์ปาเทียน ประเทศสโลวะเกีย โบสถ์ทรงแปลกตาที่สร้างขึ้นระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 16-18 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรุ่มรวยของสถาปัตยกรรมทางศาสนาของท้องถิ่น
18.ทางรถไฟเรเชียนในอัลบูลา และภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมแบร์นินา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี ทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ซึ่งเต็มไปด้วยทิวทัศน์สวยงามของเทือกเขาแอลป์ตลอดความยาว 67 กิโลเมตร
19.ภูมิทัศน์ชีฟ รอย มาตา ประเทศวานูอาตู ทิวทัศน์อันงดงามเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก และเป็นมรดกโลกแห่งแรกของประเทศ
มรดกโลกทางธรรมชาติ
20. ผาจ็อกกินส์ ฟอสซิล ประเทศแคนาดา หน้าผาที่เก็บรวบรวมสิ่งมีชีวิตและประวัติศาสตร์โลกมนุษย์ย้อนหลังไปได้ถึง 310 ล้านปีที่แล้ว
21.วนอุทยานแห่งชาติเทือกเขาซันฉิงซาน มณฑลเจียงสี ประเทศจีน ริ้วหมอกปลิวผ่านหินผา ภูมิทัศน์สุดอลังการแห่งแดนมังกร
22.ทะเลสาบนิว คาเลโดเนีย ประเทศฝรั่งเศส เต็มไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และปะการังใต้ทะเล
23.เกาะเซิร์ทซีย์ ประเทศไอซ์แลนด์ เกาะภูเขาไฟทางใต้ของประเทศ
24.ที่ราบและทะเลสาบซาร์ยาร์กา ทางเหนือของคาซัคสถาน ที่ราบไร้ไม้ใหญ่กินอาณาบริเวณ 804,500 ตารางกิโลเมตร เป็นที่ราบแห้งแล้งที่สุดบนผืนโลก
25.เขตอนุรักษ์พันธุ์ผีเสื้อโมนาร์ค ประเทศเม็กซิโก ผีเสื้อพันธุ์ใหญ่ของโลก
26.เปลือกโลกซาร์โดนา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ได้รับการยกย่องจากปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาของแผ่นเปลือกโลกที่ไม่เหมือนที่ใดในโลก
27.หมู่เกาะโซโคตรา ประเทศเยเมน เป็นหนึ่งในผืนทวีปเก่าแก่ที่แยกตัวออกมาเมื่อ 6 ล้านปีก่อน ซึ่งบนเกาะยังเต็มไปด้วยสภาพนิเวศที่ตกทอดมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์
...เมื่อรับทราบถึงคุณค่าของสถานที่นั้นๆ แล้ว การเมืองหรือสิ่งอื่นใดก็ไม่มีค่าเทียบทันความงามของมรดกโลกเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย
วันเกิดกะคนทำงาน
สไตล์การทำงานของแต่ละคน กะวันที่เกิด
ท่านที่เกิดวันที่ 1สไตล์การทำงาน : คุณมักเป็นเจ้าของความคิดใหม่ ๆ คุณมักนำพรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัวเองมาแก้ปัญหาด้วยวิธีที ่คนอื่นคาดไม่ถึงอยู่เสมอ สำหรับคุณแล้วการพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ จริง ๆ แล้วมีทางเป็นไปได้ จะทำให้คุณรู้สึกสนุกสนานและสะใจเป็นอันมาก ในการทำงาน คุณชอบที่จะเป็นผู้กำหนดอนาคต วางแผนทุกอย่างด้วยตนเอง นอกจากนี้เรื่องการแหกกฎก็เป็นเรื่องที่พบเห็นประจำในการทำงานของคุณ อาชีพที่เหมาะสม
:คุณเหมาะสมกับทุกอาชีพที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ประเภทนักประดิษฐ์ ดีไซเนอร์ ครีเอทีฟ หรืออย่างประเภทนักบิน ผู้กำกับฯ ที่ปรึกษาทางธุรกิจ นักขาย ศิลปิน งานในตำแหน่งหัวหน้าหรือผู้บริหารระดับสูง
ท่านที่เกิดวันที่ 2 สไตล์การทำงาน : ด้วยความยืดหยุ่นสูง การรู้จักวางตัว ผส มวาทศิลป์อันยอดเยี่ยม ทำให้การงานของคุณดำเน! ินไปด้วยดี และสำเร็จได้อย่างราบรื่นอยู่เสมอ การทำงานของคุณจะเป็นในลักษณะร่วมมือกับผู้อื่น เรื่องฉายเดี่ยว เป็นสิ่งที่คุณไม่สันทัด อาชีพที่เหมาะสม :ทูต นักสังคมสงเคราะห์ ที่ปรึกษา เจ้าของร้านหนังสือ พนักงานขายประกัน เจ้าของร้านอาหาร เจ้าของโรงมหรสพต่าง ๆ นักกฎหมาย สถาปนิก ผู้รับเหมาก่อสร้าง พยาบาล แพทย์ เป็นอาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 3สไตล์การทำงาน : คุณ ชอบทำงานประเภทที่ต้องพบปะผู้คน เหมาะมากกับการทำงานเป็นทีมเวิร์ก คือนอกจากจะต้องติดต่อประสานงานกับคนภายในองค์กรแล้ว ภายนอกองค์กรคุณก็สามารถจัดการได้เป็นอย่างดี และด้วยความคิดดีๆ ที่คุณจุดประกายได้เสมอ ทำให้ภาพรวมของงานเป็นไปในทางที่ดี ทีมงานก็จะแฮปปี้มากๆ ที่ได้ร่วมงานกับคุณ อาชีพที่เหมาะสม :ประชาสัมพันธ์ ฝ่ายดูแลลูกค้า ตัวแทนการขาย ประสานงาน ออร์แกไนเซอร์ เปิดร้านอาหาร ร้านเสริมสวย สปา ธุรกิจโรงแรม พนักงานต้อนรับโอเปอเรเตอร์
ท่านที่เกิดวันที่ 4สไตล์การทำงาน : บางทีเพราะความใจกว้างเกินไป จึงทำให้บางครั้งการร่วมงาน หาหุ้นส่วน หรือการช่วยเหลือผู้อื่นของคุณไม่เหมาะสมได้ คือ ทำในสิ่งที่ไม่น่าจะทำหรือทำเกินไป ด้วยเหตุนี้ คำว่า 'ทำบุญคนไม่ขึ้น' เป็นคำที่โดนใจคุณมาก การทำอะไรให้พึ่งตัวเองเป็นสำคัญ หรือไม่ก็เลือกพึ่งพาเฉพาะเพื่อนหรือคนในครอบครัวที่ไว้ใจได้จริง ๆ จะทำให้การงานคุณราบรื่นได้ อาชีพที่เหมาะสม : งานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โปรดิวเซอร์รายการต่าง ๆ ที่ปรึกษาด้านการเงิน ทนายความ สถาปนิก ผู้รับเหมา วิศวกร ศิลปินแขนงต่าง ๆ จะเป็นอาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 5สไตล์การทำงาน : รวดเร็ว ว่องไว เกาะติด และมีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ ทุกครั้งที่คุณได้งาน ใหม่ ๆ คุณจะดีใจและมีความสุขมาก แต่เมื่อไรได้งานที่ต้องใช้เวลาทำนาน ๆ จะไม่เหมาะกับคุณ เพราะคุ! ณจะพาล เบื่อเอาซะก่อน อาชีพที่เ! หมาะสม : คุณเป ็นคนที่มีความคล่องแคล่วสูงมาก และมีความสามารถในการสื่อสารที่ดี ดังนั้นสายงานที่เหมาะกับคุณ คืองานในวงการโทรทัศน์ หรืองานประชาสัมพันธ์ เช่น นักเขียน นักบรรยาย อาจารย์มหาวิทยาลัย นักการศึกษา นักโฆษณา นักขาย ทหาร ตำรวจ และนักการเมือง
ท่านที่เกิดวันที่ 6สไตล์การทำงาน : ถ้าสังเกตตัวเองดี ๆ คุณจะพบว่า คุณมักจะมีพรสวรรค์อย่างน้อยหนึ่งอย่างติดตัวมาตั้งแต่เกิด ชีวิตคุณจะก้าวหน้ากว่าคนอื่นมาก ถ้าได้ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด ไม่ฝืนใจทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ การทำงานของคุณจะไปได้อย่างเหนือความคาดหมายของคนอื่นอยู่เสมอ ๆ ถ้าคุณได้ทำในสิ่งที่คุณเต็มใจ รูปแบบการทำงานของคุณไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ อาชีพที่เหมาะสม :สอนหนังสือ ที่ปรึกษาด้านชีวิตหรือความรัก นักบำบัด นักดนตรี ศิลปิน งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ อาชีพเพื่อสังคม งานบริการต่าง ๆ งานที่ต้องใช้อารมณ์และความ สุนทรีภาพสูง ๆ จะเป็นอาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 7สไตล์ก ารทำงาน : คุณเป็นคนทำอะไรมีหลักการ ใช้ความคิดใคร่ครวญ ไตร่ตรองอย่างรอบคอบมาก ๆ แล้วจึงทำ คุณจึงชอบอยู่คนเดียว ทำงานคนเดียว ชอบหน้าที่หรือตำแหน่งที่มีความเป็นส่วนตัวสูง นอกจากนั้นคุณยังชอบความสันโดษและการทำสมาธิอีกด้วย เมื่อยามว่างจากงาน อาชีพที่เหมาะสม : นักบำบัด นักเขียน นักกฎหมาย ช่างถ่ายรูป นักวิจัย นักวิเคราะห์ ครูบาอาจารย์ และอาชีพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับจิตใจหรือจิตวิทยา เป็นสิ่งที่เหมาะกับคุณเหลือเกิน
ท่านที่เกิดวันที่ 8 สไตล์การทำงาน : ถึงแม้คุณจะเป็นคนที่ทำงานได้ดี แต่คุณมักไม่ชอบอยู่ที่หนึ่งนาน ๆ อยู่ได้สักพักก็มักจะย้าย เพื่อไปหาเป้าหมายที่ท้าทายกว่า ยิ่งใหญ่กว่า และด้วยไฟในการทำงานอันร้อนแรงของคุณ คุณจะทำอะไรอย่างรวดเร็วแบบสายฟ้าแลบ จนบางทีทำให้คนรอ! บข้างของคุณปรับตัวไม่ทัน รวมทั้งบางทีจังหวะไม่มา ทำให้คุณเหนื่อยเปล่าด้! วย ดังนั้นไม่ต้องเร่งรีบไปให้ถึงจุดหมายมากเกินไป ให้ดื่มด่ำกับทุกย่างก้าวที่คุณได้ก้าวไป จะทำให้คุณมีความสุขและไม่เครียด และยังสามารถรักษา ศักยภา พในการทำงานให้คงอยู่ได้นาน โดยไม่ต้องเหนื่อยกับงานมากเกินไป อาชีพ ที่เหมาะสม :งานทางด้านการเงินการธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายบุคคล ฝ่ายติดต่อประสานงานต่าง ๆ นักลงทุนตลาดหลักทรัพย์ ผู้นำทางการเมือง ผู้นำทางศาสนา นักกฎหมาย นักบุญ และธุรกิจบันเทิงทั้งหลาย เป็นอาชีพที่เหมาะกับคุณเหลือเกิน
ท่านที่เกิดวันที่ 9 สไตล์การทำงาน : การประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ของคุณมักไม่ค่อยมาจากการกระทำเท่าใดนัก แต่มักมาจากการที่คุณมองเห็นอะไรได้ชัดกว่าคนอื่นทั้งในภาพรวมและเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ทำให้คุณเหนือกว่าคนอื่นหนึ่งก้าวเสมอ อย่างไรก็ตาม ในการแก้ปัญหาเรื่องของการงาน คุณมักจะทำตามที่ใจคุณเรียกร้องเสมอ ไม่ค่อยฟังคนอื่นเท่าใดนัก ประมาณว่าดื้อเงียบ อาชีพที่เหมาะสม : นักบำบัด นักวางกลยุทธ์ นักแต่งหนังสือ นักขาย นักบริหาร ครูบาอาจารย์ นักปราชญ์ นักเขียน ช่างภาพ ศิลปิน คืออาชีพที่เหมาะกับคุณ
ท่านที่เกิดวัน ที่ 10 สไตล์การทำงาน : คุณมีความเชื่อมั่น ศรัทธาในตัวเอง คุณทำให้คนรอบข้างอุ่นใจ ถ้าคุณหันมามองรอบตัวคุณจะเห็นความรู้สึกนึกคิดความต้องการของคนรอบข้าง อาชีพที่เหมาะสม :ศิลปิน เทรนเนอร์ นักสิ่งแวดล้อม นักวิทยาศาสตร ์ นักบิน นักการศึกษา นักสื่อสารมวลชน จะเป็นอาชีพที่เหมาะกับคุณเหลือเกิน
ท่านที่เกิดวันที่ 11 สไตล์การทำงาน : ในการทำงาน คุณทำทุกอย่างในสิ่งที่คุณเชื่อและชอบอยู่เสมอ นั่นจึงทำให้คุณเป็นคนที่สามารถสนุกสนานกับทุกอย่างได้ แม้กระทั่งงานเบา งานหนัก งานยุ่ง ถึงจะมีแอบบ่นในใจลึก ๆ อยู่บ้าง แต่แท้จริงแล้วไม่เคยหวั่น คุณเปรียบประดุจได้กับไดนาโมของความคิดสร้างสรรค์และ จินตนาการ สไตล์การทำงานอง คุณมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไ! ม่เหมือนใคร และคุณจะก้าวหน้ากว่าใคร ก็ด้วยในสิ่งที่เป็นตัวคุณนี่แหละ อาชีพที่เหมาะสม : นักเขียน นักแสดง ศิลปิน นักปรัชญา ผู้นำทางด้านจิตวิญญาณ นักศาสนา นักธุรกิจไฟแรง นักประพันธ์ ที่ปรึกษาทางธุรกิจหรือด้านต่าง ๆ จะเห มาะอย่างยิ่ง
ท่านที่เกิดวันที่ 12 สไตล์การทำงาน : อะไรที่ว่าเป็นเรื่องยากต่อการปฏิบัติ หรือต่อการทำความเข้าใจ คุณสามารถย่อมัน สรุปมันได้ง่ายต่อการคิดและปฏิบัติเสมอ ถ้าคุณเป็นหัวหน้า คุณก็จะสั่งลูกน้องได้อย่างกระชับ ชัดเจน ใครก็ตามที่ได้ฟังจะสามารถนำไปทำได้ทันที ถ้าเป็นลูกน้อง คุณก็จะทำให้หัวหน้าประทับใจในการทำงานที่รวดเร็วและถูกต้องอยู่เสมอ ๆ อาชีพที่เหมาะสม : เป็นที่แปลกมากที่ว่า คุณเป็นคนที่ทำอาชีพอะไรก็ได้ ขอให้สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่คุณชอบและต้องเกี่ยวข้องกับการติดต่อกับผู้คนมาก ๆ ไม่ว่าจะทำอะไร คุณก็สำเร็จเด่นกินหน้าใครอย่างแน่นอน
ท่านที่เกิดวันที่ 13 สไตล์การทำ! งาน : ผมขอพูดสั้น ๆ แล้วกัน ช้าแต่ชัวร์ มั่นคงและแน่นอน นั่นละใช่เลย สไตล์ของคนที่เกิดวันที่ 13 อาชีพที่เหมาะสม :นักวางแผนทางการเงิน นักสังคมสงเคราะห์ งานก่อส ร้าง งานประชาสัมพันธ์ ผู้กำกับฯ พ่อครัวมือหนึ่ง หมอศัลยกรรม โปรแกรมเมอร์ คืออาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 14 สไตล์การทำงาน : ใครว่าคนเราไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง หรือการเปลี่ยนแปลงนั้นทำยาก โอ๊ย … สำหรับคุณแล้วการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องง่ายหรือหมูมาก ๆ เพราะคุณเป็นคนที่มีความยืดหยุ่นสูงมาก เข้าขั้นปรมาจารย์เลยทีเดียว ดังนั้นอะไร ๆ ก็ตามที่มาใหม่ คุณมักจะเข้าใจและเรียนรู้ได้เร็วก่อนใครอยู่เสมอ ๆ เรื่องของกระแสไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของแฟชั่น การเมือง ความรู้ คุณจะสามารถจับกระแสของสิ่งเหล่านั้นได้ก่อนใคร รวมถึงคุณยังเป็นคนที่สื่อสารหรือพูดชักจูงให้คนอื่นเคลิบเคลิ้มหรือคล้อยตามได้ดีอีกด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้การทำงานของคุณ เป็นลักษณะเล่นกับกระแส อิงกับกระแส แล้วใช้การต่อรอง แลกผลประโยชน์อย! ่างรวดเร็วในการกำชัยชนะอยู่เสมอ ๆ อาชีพที่เหมาะสม : นักเจรจาต่อรอง นักวิทยาศาสตร์ นักโบราณคดี นักสังคมวิทยา นักประมูล ผู้จัดการฝ่ายขาย โค้ชกีฬา เทรนเนอร์ นักข่าว นักพาณิชยศิลป์เป็นอาช ีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 15 สไตล์การทำงาน : ความเด็ดเดี่ยว ความเชื่อในอุดมคติ ความภาคภูมิใจ สามสิ่งนี้คือจุดแข็งของคุณ คุณจึงมักทำอะไรทุกอย่างโดยมีเป้าหมายเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ ๆ ไม่มีทางเลยที่คุณจะยอมเสียเวลาเปล่า ๆ ไปกับการไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ การทำงานในองค์กรต่าง ๆ คุณจะเป็นคนที่กระหายเรียนรู้เป็นอย่างมาก เป็นนักดูดซับข้อมูลตัวฉกาจ เรียกได้ว่าอะไร ๆ คุณสามารถรู้ทันเกมได้หมด สร้างศาสตร์ใหม่ ๆ ทฤษฎีใหม่ ๆ ที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวของคุณเองได้ สิ่งเหล่านี้ดีเลิศจนบางครั้งอาจทำให้คนหมั่นไส้เอาได้ แต่ช่างมันเถอะ เรื่องธรรมดาของคนมีความสามารถ อาชีพที่เหมาะสม : ครูอาจารย์ นักวิ! ชาการ นักออกแบบ มัณฑนศิลป์ สถาปนิก บรรณารักษ์ นักวิจัย นักบำบัด นักเรียกร้องเพื่อสังคม ผู้นำทางสังคมเป็นอาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 16 สไตล์การทำงาน : ทุกเหตุการณ์ ทุกสถานการณ์ ไม ่มีอะไรเล็ดลอดสายตาคุณไปได้ เพราะการทำงานของคุณจะเป็นไปในลักษณะพุ่งไปสู่เป้าหมายอย่างรวดเร็วที่สุด ความอ้อมค้อมเป็นสิ่งที่คุณไม่ถนัดเป็นอย่างยิ่ง เวลาคุณทำอะไร คุณจะใช้ความตรงไปตรงมา บวกกับการวางแผนอย่างรัดกุม ทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณคิด เรียกได้ว่าเกือบจะ 100 เปอร์เซ็นต์ทีเดียว ดังนั้นโลกนี้ยังจะมีอะไรสามารถหลอกลวงคุณได้อีก อาชีพที่เหมาะสม : นักประพันธ์เอก วิศวกร นักกฎหมาย นักวิจัย นักสืบ อาชีพที่ต้องใช้ประสาทสัมผัสพิเศษ คืออาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 17 สไตล์การทำงาน : ด้วยความสามารถข้างต้น ถามว่าอะไรในการทำงานเป็นสิ่งที่คุณถนัดที่สุด ผมตอบได้เลยว่าคือเ! รื่องของการเมืองในบริษัท ถึงแม้คุณจะไม่ค่อยชอบมันเท่าไหร่ เพราะคุณเป็นค! นที่มีความเคารพในตัวเองสูงมาก แต่คุณก็ทำมันได้ดีในระดับที่ไม่ธรรมดา แต่ถ้าไม่ชอบ ไม่เป็นไร งานอีกอย่างของคนที่เกิดวันนี้ถนัด นั่น คือ เป็นนักประสาน ประสานงานทุกอย่างไม่ว่าจะทางด้านความค ิดเห็น หรือเชิงปฏิบัติ คุณทำได้ดีมาก ใครมีความขัดแย้งอะไรขอให้เรี ยกหาคุณได้เลย อาชีพที่เหมาะสม : นักแสดงเจ้าบทบาท นักการเมือง ทนาย นักเอนเตอร์เทน นักบริหาร นักการเงิน การธนาคาร ผู้นำทางศาสนา นายหน้า นักเล่นหุ้นมือฉกาจ ที่ปรึกษาด้านสุขภาพหรือความงาม คืออาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 18 สไตล์การทำงาน : คุณเป็นคนที่ชอบการเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตนเอง มากกว่าการรอใครมาสั่งมาสอน ถึงแม้กระนั้นก็แปลกที่ว่าคุณก็สามารถรู้สิ่ง ๆ นั้นได้อย่างดีและรวดเร็วเสียด้วย ดังนั้นงานอะไรก็ตามคุณไม่เคยหวั่น เรียกได้ว่า เป็นนักสู้งานตัวยงเลยทีเดียว นอกจากนี้ไม่ว่าบริษัทหรือการงานของคุณจะประสบปัญหาหรือวิกฤตเป็นเช่นไร ขอให้องค์กรนั้น บริษัทนั้น แต่งตั้งให้คุณเป็นคนที่สามารถจัดการ! หรือนำผู้คนฟันฝ่าไปจากวิกฤตจะดีที่สุด เพราะคุณเกิดมาเพื่อเป็นนักจัดการกับวิกฤต หรือจัดการปัญหาต่าง ๆ ที่ซับซ้อนและใหญ่ ๆ ในเหตุการณ์เฉพาะ ๆ เท่านั้น โอ … น่าดีใจ ยิ่งบ้านเมืองตอนนี้อยู่ในยามยาก คนอย่างคุณเป็นที่ต้องการมาก อาชีพที่เหมาะสม : การจัด การ นักกฎหมาย อัยการศาล นักปรัชญา ผู้นำทางความคิดหรือทฤ ษฎีใหม่ ๆ นักเล่าเรื่องหรือปรากฏการณ์ บรรณาธิการ นักสื่อสารมวลชนหัวก้าวหน้า นักกีฬา นักกรีฑา คืออาชีพที่เหมาะกับคุณ
ท่านที่เกิดวันที่ 19 สไตล์การทำงาน : ทุกอย่างจะสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจ เพราะคุณเป็นคนที่ชอบให้ความร่วมมือกับคนอื่นได้ในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ใช้ลงทุน ลงแรง ขอให้บอกคุณได้ คุณไม่เคยขัดสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้ในที่ทำงานหรือชีวิตประจำวันของคุณ มักจะไม่ค่อยมีศัตรูหรือถ้ามีก็น้อยมาก อาชีพที่เหมาะสม :ผู้กำกับฯ นักดนตรี นักเขียน ที่ปรึกษา ผู้กำกับศิ! ลป์ แดนเซอร์ นักออกแบบท่าเต้น นักเคมี เภสัชกร นักพัฒนาพื้นที่หรือองค์กร! คืออาชีพที่เหมาะสม ท่านที่เกิดวันที่ 20 สไตล์การทำงาน : ถ้าเล่นกีฬา คุณมักจะเป็น แมนออฟเดอะแมทช์ ถ้าเล่นการเมือง คุณมักจ ะเป็น ส.ส. แบบพลิกล็อกนั้นเป็นเพราะคุณเป็นคนสามารถฉกฉวยโอกาสจากช่องว่างต่าง ๆ ได้ยอดเยี่ยม ฟอร์มในเรื่องต่าง ๆ ของคุณอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่พอช่วงเขาจะตัดสินกันหรือช่วงจังหวะสั้น ๆ ที่ใช้ตัดสินความเป็นความตาย คุณมักจะหยิบชั้นปลามันได้เสมอ เป็นวีรบุรุษได้เสมอ โอ … น่าเลื่อมใส อาชีพที่เหมาะสม : งานทุกอย่างที่ต้องทำกันเป็นทีม ที่ปรึกษาสุขภาพ ที่ปรึกษาทางด้านบุคลิกภาพ ครูบาอาจารย์ นักการทูต นักบริหาร นักจิตวิทยาเกลี้ยกล่อมให้โจรกลับใจ คืออาชีพที่เหมาะกับคุณ
ท่านที่เกิดวันที่ 21 สไตล์การทำงาน : ผู้ใหญ่จะรักคุณมากเป็นพิเศษ คุณมักจะทำงาน หรือเลือกงานที่คุณได้ใช้ความคิด ใช้จินตนาการอย่างเต็มที่ และที่สำคัญงานทุกชิ้นคุณจะทำมันออกมาจากใจจริง ๆ ดั! งนั้นไม่ว่างานอะไร หรือแม้กระทั่งงานช่าง งานเทคนิค ก็มักจะมีความงดงามเชิงศิลปะเข้าไปสอดแทรกอยู่ตลอด นับเป็นศิลปินด้วยจิตวิญญาณโดยแท้ อาชีพที่เหมาะสม : ทุกอย่างในวงการบันเทิง อย่างเช่น ดารา นักร้อง นางแบบ น ักสื่อสารมวลชน นักสร้างบุคลิก ผู้จัดการดารา วงการโฆษณา นักเขียน นักประชาสัมพันธ์ ไกด์นำเที่ยว หรือทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ อย่างเช่น นักออกแบบบุคลิก นักวาดรูป นักออกแบบ นักประพันธ์ จะเหมาะกับคุณเหลือเกิน
ท่านที่เกิดวันที่ 22 สไตล์การทำงาน : เรื่องหัวเซ็งลี้ ต้องยกให้คุณ ที่ไหนมีกลิ่นของชื่อเสียง เงินทอง ความสำเร็จ คุณสามารถรู้ทันได้หมด และฉกฉวยมาได้ก่อนใครเสมอ นั่นไม่ได้แปลว่าคุณเป็นคนโลภนะ แต่หมายถึง คุณไม่อยากเสียเวลาไปทำในสิ่งอื่น ๆ ที่ไม่ได้สร้างความสำเร็จให้คุณ หรือพูดง่าย ๆ คุณเป็นคนที่กระหายความสำเร็จมาก อาชีพที่เหมาะสม :สถาปนิก ครูบาอาจารย์ นักบริหาร ที่ปรึ! กษาทางธุรกิจ ทนายมือหนึ่ง อัยการมือยอด นักการเงิน นักกีฬามือเซียน คืออาชีพที่เหมาะสมกิน
ท่านที่เกิดวันที่ 23 สไตล์การทำงาน : อาจจะเป็นเพราะความเมตตาที่คุณมี รวมกับผลบุญที่ได้สร้างสมมา ทำให้คุณมีความสามารถพิเศษ คือค ุณสามารถรู้ได้ว่าคนไหนจะดีกับคุณ คนไหนเป็นคนที่ช่วยเหลือคุณได้ และเป็นที่น่าแปลกว่า เรื่องบริวารของคุณจะมีปัญหาน้อยมากถ้าเทียบกับคนเกิดวันอื่น ๆ อาชีพที่เหมาะสม : นักสังคมสงเคราะห์ นักอนุรักษ์ธรรมชาติ นักเขียน ศิลปิน นักผลิตรายการโทรทัศน์ นักดนตรี คืออาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 24 สไตล์การทำงาน : คุณเป็นคนที่ทำทุกอย่างด้วยหัวใจ ฉะนั้นอะไรก็ตาม ถ้าคุณลองได้เชื่อแล้ว คุณทุ่มเทหมดทั้งกำลังกายและกำลังใจทีเดียว การทำงานของคุณแม้ไม่รวดเร็ว ฉับไว แต่ผลลัพธ์ที่ได้มักมากกว่าที่จุดประสงค์ตั้งไว้ทีแรกเสมอ ๆ เรียกได้ว่าทำงานเกินเงินเดือน ! อาชีพที่เหมาะสม : นักเ ขียน ปรมาจารย์ด้านใดด้ านหนึ่ง นักดนตรี นักตกแต่งภายใน นักออกแบบ นักประพันธ์ นักสังคมสงเคราะห์ พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ผู้นำทางด้านศาสนา คืออาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 25 สไตล์การทำงาน : คนประเภทที่ว่า มี ไฟทำงานลุกโชติช่วงตลอดอย่างคุณ ถ้าจะทำงานก็ต้องเป็นงานประเภทเพิ่งจะบุกเบิกเริ่มต้น หรืองานประเภทที่ต้องใช้ความพยายาม ใช้ความสามารถอย่างสูงในการวางแผน หรือคิดค้นอะไรใหม่ ๆ เพราะนอกจากไฟอันร้อนแรงในตัวคุณแล้ว คุณยังเป็นคนที่มากความสามารถ อาชีพที่เหมาะสม : นักบัญชี นักการเงิน นักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ นักเขียน นักวาดรูป ศิลปิน นักแสดงล้อเลียนต่าง ๆ คืออาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 26 สไตล์การทำงาน : คนที่เกิดวันนี้มีเซ้นส์พิเศษอย่างหนึ่ง นั่นคือสามารถจับผิดหรือรู้ส! ึกถึงความผิดปกติต่าง ๆ ได้เร็วกว่าคนอื่นเสมอ สามารถรู้ได้ว่าอะไรถูกต้อง! หรืออะไรคือเส้นทางที่ควรจะไปได้เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ได้เร็ว สิ่งเหล่านี้คุณจะรู้ได้ก่อนใครเสมอ ๆ ดังนั้นการทำงานของคุณจะเป็นประเภทครบเครื่องและฉายเดี่ยว คุณชอบทำทุกอย่างตั้งแต่วางแผนยันลงมือทำเองหมด ใจค อจะไม่แบ่งงานให้คนอื่นบ้างเลยหรือ!!! อาชีพที่เหมาะสม : ครูบาอาจารย์ นักเจรจา นักไกล่เก ลี่ย นักสืบ นักตกแต่ง นักจัดงานทางการตลาด นักตัดต่อเสียง นักตัดต่อภาพยนตร์ ซาวด์เอนจิเนียร์ คืออาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 27 สไตล์การทำงาน : เรื่องประสบความสำเร็จเป็นเรื่องที่คุ้นเคยและชินชามาก นั่นเป็นเพราะว่าเวลาคุณทำอะไร คุณจะคิดอย่างรอบคอบ คือคิดแล้วคิดอีกจนมั่นใจจึงทำ และเวลาทำเรื่องล้มเลิกเห็นจะไม่มี ฉะนั้นจึงทำให้คุณเป็นคนที่รักงานมาก ๆ เวลาเห็นใครทำอะไรชุ่ย ๆ กับงาน คุณจะอึดอัดใจเป็นอันมาก จริงไหมตัวเอง!!! อาชีพที่เหมาะสม : นักอบรม นักจัดงานสัมมนา นักบริหาร นักแสดง นักดนตรี ศิลปิน นักวา! ดรูป วาทยกร คืออาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 28 สไตล์การทำงาน : งานยาก ๆ เป็นของหวานอย่างหนึ่งของคุณ อะไร ๆ ที่คนอื่นว่ายาก ขอให้บอก ความสามารถพิเศษของคุณคือ การอ่านสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำและถูกต้องลึกซึ้ง อาชีพที่เหมาะสม : ศิลปิน นักแสดง นักออกแบบเสื้อผ้า งานทุกชนิดที่ต้องเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ นักพัฒนาพื้นที่ นักพัฒนาองค์กร หรืองานทุกอย่างที่ต ้องการการปฏิวัติหรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบใหม่ คืออาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เ กิดวันที่ 29 สไตล์การทำงาน : คุณเป็นคนที่มีความหลากหลายในตัวสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิทยาศาสตร์ ศิลปศาสตร์ สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ โอ๊ย แม้กระทั่งไสยศาสตร์ คุณมักมีความรู้หรือมีประสบการณ์ในเรื่องต่าง ๆ มาแล้วทั้งนั้น ประมาณว่าพหูสูตร นอกจากนี้เวลาคุณทำงาน คุณมักจะชอบทำงานทีละหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน จนบางทีทำให้สับสนบ้าง อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของ! คุณ คือคุณสามารถทำงานที่ต้องใช้ทักษะหลาย ๆ อย่างพร้อมกันได้ดี อย่างเช่น! ประเภทพวกคอมพิวเตอร์กราฟิก หรือออกแบบบัญชีบนคอมพิวเตอร์ อะไรทำนองนั้น อาชีพที่เหมาะสม : นักเขียน คอลัมนิสต์ บรรณาธิการนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์ นักแต่งเพลง ลีดเดอร์ นักแสดงบนเวที นักมายากล นักกรีฑา หมอ ศัลยแพทย์ นักการเงิน นักธนาคาร นักสังคมสงเ คราะห์ เรียกได้ว่าทำได้แทบทุกอาชีพ
ท่านที่เกิดวันที่ 30 สไตล์การทำงาน : คุณมักจะสามารถทำงานที่ต้องใช้ความอดทน ความเข้าใจคนอื่น ความรู้จักยืดหยุ่นได้ดีเสมอ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้คุณจะเป็นคนที่มีจิตวิทยาสูง เข้าใจคนอื่นได้ดี แต่คุณมักจะไ ม่ค่อยเข้าใจในชีวิตความต้องการ ความรู้สึกที่อยู่ลึก ๆ ข้างในตัวคุณเองสักเท่าไหร่ นั่นจึงทำให้ในช่ วงแรก ๆ ของชีวิตคุณมักจะเลือกเรียน หรือทำงานในสิ่งที่ไม่ใช่คุณอยู่เสมอ ๆ อาชีพที่เหมาะสม : นักเขียน นักแสดง นักตกแต่งสวน นักประชาสัมพันธ์ หมอนวด แอร์โฮสเตส พนักงานต้อนรับ งานทุกอย่างที่ต้องใช้การสื่อสารและงานบริการ คืออาชีพที่เห! มาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 31สไตล์การทำงาน : คุณเป็นคนที่ตัดสินใจแล้วต้องทำให้ได้ ใครอย่ามาแย้งฉันนะ ไม่งั้นเดี๋ยวหัวขาด อาชีพที่เหมาะสม : นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นักระดมทุน นักกายภาพบำบัด นักกฎหมาย ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ แฮกเกอร์ นักกวนเมือง นักสื่อสารมวลชน นักข ่าว โปรแกรมเมอร์ 'งานที่ต้องเกี่ยวข้องกับการบันเทิง เป็นอาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 1สไตล์การทำงาน : คุณมักเป็นเจ้าของความคิดใหม่ ๆ คุณมักนำพรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัวเองมาแก้ปัญหาด้วยวิธีที ่คนอื่นคาดไม่ถึงอยู่เสมอ สำหรับคุณแล้วการพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ จริง ๆ แล้วมีทางเป็นไปได้ จะทำให้คุณรู้สึกสนุกสนานและสะใจเป็นอันมาก ในการทำงาน คุณชอบที่จะเป็นผู้กำหนดอนาคต วางแผนทุกอย่างด้วยตนเอง นอกจากนี้เรื่องการแหกกฎก็เป็นเรื่องที่พบเห็นประจำในการทำงานของคุณ อาชีพที่เหมาะสม
:คุณเหมาะสมกับทุกอาชีพที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ประเภทนักประดิษฐ์ ดีไซเนอร์ ครีเอทีฟ หรืออย่างประเภทนักบิน ผู้กำกับฯ ที่ปรึกษาทางธุรกิจ นักขาย ศิลปิน งานในตำแหน่งหัวหน้าหรือผู้บริหารระดับสูง
ท่านที่เกิดวันที่ 2 สไตล์การทำงาน : ด้วยความยืดหยุ่นสูง การรู้จักวางตัว ผส มวาทศิลป์อันยอดเยี่ยม ทำให้การงานของคุณดำเน! ินไปด้วยดี และสำเร็จได้อย่างราบรื่นอยู่เสมอ การทำงานของคุณจะเป็นในลักษณะร่วมมือกับผู้อื่น เรื่องฉายเดี่ยว เป็นสิ่งที่คุณไม่สันทัด อาชีพที่เหมาะสม :ทูต นักสังคมสงเคราะห์ ที่ปรึกษา เจ้าของร้านหนังสือ พนักงานขายประกัน เจ้าของร้านอาหาร เจ้าของโรงมหรสพต่าง ๆ นักกฎหมาย สถาปนิก ผู้รับเหมาก่อสร้าง พยาบาล แพทย์ เป็นอาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 3สไตล์การทำงาน : คุณ ชอบทำงานประเภทที่ต้องพบปะผู้คน เหมาะมากกับการทำงานเป็นทีมเวิร์ก คือนอกจากจะต้องติดต่อประสานงานกับคนภายในองค์กรแล้ว ภายนอกองค์กรคุณก็สามารถจัดการได้เป็นอย่างดี และด้วยความคิดดีๆ ที่คุณจุดประกายได้เสมอ ทำให้ภาพรวมของงานเป็นไปในทางที่ดี ทีมงานก็จะแฮปปี้มากๆ ที่ได้ร่วมงานกับคุณ อาชีพที่เหมาะสม :ประชาสัมพันธ์ ฝ่ายดูแลลูกค้า ตัวแทนการขาย ประสานงาน ออร์แกไนเซอร์ เปิดร้านอาหาร ร้านเสริมสวย สปา ธุรกิจโรงแรม พนักงานต้อนรับโอเปอเรเตอร์
ท่านที่เกิดวันที่ 4สไตล์การทำงาน : บางทีเพราะความใจกว้างเกินไป จึงทำให้บางครั้งการร่วมงาน หาหุ้นส่วน หรือการช่วยเหลือผู้อื่นของคุณไม่เหมาะสมได้ คือ ทำในสิ่งที่ไม่น่าจะทำหรือทำเกินไป ด้วยเหตุนี้ คำว่า 'ทำบุญคนไม่ขึ้น' เป็นคำที่โดนใจคุณมาก การทำอะไรให้พึ่งตัวเองเป็นสำคัญ หรือไม่ก็เลือกพึ่งพาเฉพาะเพื่อนหรือคนในครอบครัวที่ไว้ใจได้จริง ๆ จะทำให้การงานคุณราบรื่นได้ อาชีพที่เหมาะสม : งานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โปรดิวเซอร์รายการต่าง ๆ ที่ปรึกษาด้านการเงิน ทนายความ สถาปนิก ผู้รับเหมา วิศวกร ศิลปินแขนงต่าง ๆ จะเป็นอาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 5สไตล์การทำงาน : รวดเร็ว ว่องไว เกาะติด และมีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ ทุกครั้งที่คุณได้งาน ใหม่ ๆ คุณจะดีใจและมีความสุขมาก แต่เมื่อไรได้งานที่ต้องใช้เวลาทำนาน ๆ จะไม่เหมาะกับคุณ เพราะคุ! ณจะพาล เบื่อเอาซะก่อน อาชีพที่เ! หมาะสม : คุณเป ็นคนที่มีความคล่องแคล่วสูงมาก และมีความสามารถในการสื่อสารที่ดี ดังนั้นสายงานที่เหมาะกับคุณ คืองานในวงการโทรทัศน์ หรืองานประชาสัมพันธ์ เช่น นักเขียน นักบรรยาย อาจารย์มหาวิทยาลัย นักการศึกษา นักโฆษณา นักขาย ทหาร ตำรวจ และนักการเมือง
ท่านที่เกิดวันที่ 6สไตล์การทำงาน : ถ้าสังเกตตัวเองดี ๆ คุณจะพบว่า คุณมักจะมีพรสวรรค์อย่างน้อยหนึ่งอย่างติดตัวมาตั้งแต่เกิด ชีวิตคุณจะก้าวหน้ากว่าคนอื่นมาก ถ้าได้ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด ไม่ฝืนใจทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ การทำงานของคุณจะไปได้อย่างเหนือความคาดหมายของคนอื่นอยู่เสมอ ๆ ถ้าคุณได้ทำในสิ่งที่คุณเต็มใจ รูปแบบการทำงานของคุณไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ อาชีพที่เหมาะสม :สอนหนังสือ ที่ปรึกษาด้านชีวิตหรือความรัก นักบำบัด นักดนตรี ศิลปิน งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ อาชีพเพื่อสังคม งานบริการต่าง ๆ งานที่ต้องใช้อารมณ์และความ สุนทรีภาพสูง ๆ จะเป็นอาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 7สไตล์ก ารทำงาน : คุณเป็นคนทำอะไรมีหลักการ ใช้ความคิดใคร่ครวญ ไตร่ตรองอย่างรอบคอบมาก ๆ แล้วจึงทำ คุณจึงชอบอยู่คนเดียว ทำงานคนเดียว ชอบหน้าที่หรือตำแหน่งที่มีความเป็นส่วนตัวสูง นอกจากนั้นคุณยังชอบความสันโดษและการทำสมาธิอีกด้วย เมื่อยามว่างจากงาน อาชีพที่เหมาะสม : นักบำบัด นักเขียน นักกฎหมาย ช่างถ่ายรูป นักวิจัย นักวิเคราะห์ ครูบาอาจารย์ และอาชีพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับจิตใจหรือจิตวิทยา เป็นสิ่งที่เหมาะกับคุณเหลือเกิน
ท่านที่เกิดวันที่ 8 สไตล์การทำงาน : ถึงแม้คุณจะเป็นคนที่ทำงานได้ดี แต่คุณมักไม่ชอบอยู่ที่หนึ่งนาน ๆ อยู่ได้สักพักก็มักจะย้าย เพื่อไปหาเป้าหมายที่ท้าทายกว่า ยิ่งใหญ่กว่า และด้วยไฟในการทำงานอันร้อนแรงของคุณ คุณจะทำอะไรอย่างรวดเร็วแบบสายฟ้าแลบ จนบางทีทำให้คนรอ! บข้างของคุณปรับตัวไม่ทัน รวมทั้งบางทีจังหวะไม่มา ทำให้คุณเหนื่อยเปล่าด้! วย ดังนั้นไม่ต้องเร่งรีบไปให้ถึงจุดหมายมากเกินไป ให้ดื่มด่ำกับทุกย่างก้าวที่คุณได้ก้าวไป จะทำให้คุณมีความสุขและไม่เครียด และยังสามารถรักษา ศักยภา พในการทำงานให้คงอยู่ได้นาน โดยไม่ต้องเหนื่อยกับงานมากเกินไป อาชีพ ที่เหมาะสม :งานทางด้านการเงินการธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายบุคคล ฝ่ายติดต่อประสานงานต่าง ๆ นักลงทุนตลาดหลักทรัพย์ ผู้นำทางการเมือง ผู้นำทางศาสนา นักกฎหมาย นักบุญ และธุรกิจบันเทิงทั้งหลาย เป็นอาชีพที่เหมาะกับคุณเหลือเกิน
ท่านที่เกิดวันที่ 9 สไตล์การทำงาน : การประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ของคุณมักไม่ค่อยมาจากการกระทำเท่าใดนัก แต่มักมาจากการที่คุณมองเห็นอะไรได้ชัดกว่าคนอื่นทั้งในภาพรวมและเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ทำให้คุณเหนือกว่าคนอื่นหนึ่งก้าวเสมอ อย่างไรก็ตาม ในการแก้ปัญหาเรื่องของการงาน คุณมักจะทำตามที่ใจคุณเรียกร้องเสมอ ไม่ค่อยฟังคนอื่นเท่าใดนัก ประมาณว่าดื้อเงียบ อาชีพที่เหมาะสม : นักบำบัด นักวางกลยุทธ์ นักแต่งหนังสือ นักขาย นักบริหาร ครูบาอาจารย์ นักปราชญ์ นักเขียน ช่างภาพ ศิลปิน คืออาชีพที่เหมาะกับคุณ
ท่านที่เกิดวัน ที่ 10 สไตล์การทำงาน : คุณมีความเชื่อมั่น ศรัทธาในตัวเอง คุณทำให้คนรอบข้างอุ่นใจ ถ้าคุณหันมามองรอบตัวคุณจะเห็นความรู้สึกนึกคิดความต้องการของคนรอบข้าง อาชีพที่เหมาะสม :ศิลปิน เทรนเนอร์ นักสิ่งแวดล้อม นักวิทยาศาสตร ์ นักบิน นักการศึกษา นักสื่อสารมวลชน จะเป็นอาชีพที่เหมาะกับคุณเหลือเกิน
ท่านที่เกิดวันที่ 11 สไตล์การทำงาน : ในการทำงาน คุณทำทุกอย่างในสิ่งที่คุณเชื่อและชอบอยู่เสมอ นั่นจึงทำให้คุณเป็นคนที่สามารถสนุกสนานกับทุกอย่างได้ แม้กระทั่งงานเบา งานหนัก งานยุ่ง ถึงจะมีแอบบ่นในใจลึก ๆ อยู่บ้าง แต่แท้จริงแล้วไม่เคยหวั่น คุณเปรียบประดุจได้กับไดนาโมของความคิดสร้างสรรค์และ จินตนาการ สไตล์การทำงานอง คุณมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไ! ม่เหมือนใคร และคุณจะก้าวหน้ากว่าใคร ก็ด้วยในสิ่งที่เป็นตัวคุณนี่แหละ อาชีพที่เหมาะสม : นักเขียน นักแสดง ศิลปิน นักปรัชญา ผู้นำทางด้านจิตวิญญาณ นักศาสนา นักธุรกิจไฟแรง นักประพันธ์ ที่ปรึกษาทางธุรกิจหรือด้านต่าง ๆ จะเห มาะอย่างยิ่ง
ท่านที่เกิดวันที่ 12 สไตล์การทำงาน : อะไรที่ว่าเป็นเรื่องยากต่อการปฏิบัติ หรือต่อการทำความเข้าใจ คุณสามารถย่อมัน สรุปมันได้ง่ายต่อการคิดและปฏิบัติเสมอ ถ้าคุณเป็นหัวหน้า คุณก็จะสั่งลูกน้องได้อย่างกระชับ ชัดเจน ใครก็ตามที่ได้ฟังจะสามารถนำไปทำได้ทันที ถ้าเป็นลูกน้อง คุณก็จะทำให้หัวหน้าประทับใจในการทำงานที่รวดเร็วและถูกต้องอยู่เสมอ ๆ อาชีพที่เหมาะสม : เป็นที่แปลกมากที่ว่า คุณเป็นคนที่ทำอาชีพอะไรก็ได้ ขอให้สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่คุณชอบและต้องเกี่ยวข้องกับการติดต่อกับผู้คนมาก ๆ ไม่ว่าจะทำอะไร คุณก็สำเร็จเด่นกินหน้าใครอย่างแน่นอน
ท่านที่เกิดวันที่ 13 สไตล์การทำ! งาน : ผมขอพูดสั้น ๆ แล้วกัน ช้าแต่ชัวร์ มั่นคงและแน่นอน นั่นละใช่เลย สไตล์ของคนที่เกิดวันที่ 13 อาชีพที่เหมาะสม :นักวางแผนทางการเงิน นักสังคมสงเคราะห์ งานก่อส ร้าง งานประชาสัมพันธ์ ผู้กำกับฯ พ่อครัวมือหนึ่ง หมอศัลยกรรม โปรแกรมเมอร์ คืออาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 14 สไตล์การทำงาน : ใครว่าคนเราไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง หรือการเปลี่ยนแปลงนั้นทำยาก โอ๊ย … สำหรับคุณแล้วการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องง่ายหรือหมูมาก ๆ เพราะคุณเป็นคนที่มีความยืดหยุ่นสูงมาก เข้าขั้นปรมาจารย์เลยทีเดียว ดังนั้นอะไร ๆ ก็ตามที่มาใหม่ คุณมักจะเข้าใจและเรียนรู้ได้เร็วก่อนใครอยู่เสมอ ๆ เรื่องของกระแสไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของแฟชั่น การเมือง ความรู้ คุณจะสามารถจับกระแสของสิ่งเหล่านั้นได้ก่อนใคร รวมถึงคุณยังเป็นคนที่สื่อสารหรือพูดชักจูงให้คนอื่นเคลิบเคลิ้มหรือคล้อยตามได้ดีอีกด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้การทำงานของคุณ เป็นลักษณะเล่นกับกระแส อิงกับกระแส แล้วใช้การต่อรอง แลกผลประโยชน์อย! ่างรวดเร็วในการกำชัยชนะอยู่เสมอ ๆ อาชีพที่เหมาะสม : นักเจรจาต่อรอง นักวิทยาศาสตร์ นักโบราณคดี นักสังคมวิทยา นักประมูล ผู้จัดการฝ่ายขาย โค้ชกีฬา เทรนเนอร์ นักข่าว นักพาณิชยศิลป์เป็นอาช ีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 15 สไตล์การทำงาน : ความเด็ดเดี่ยว ความเชื่อในอุดมคติ ความภาคภูมิใจ สามสิ่งนี้คือจุดแข็งของคุณ คุณจึงมักทำอะไรทุกอย่างโดยมีเป้าหมายเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ ๆ ไม่มีทางเลยที่คุณจะยอมเสียเวลาเปล่า ๆ ไปกับการไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ การทำงานในองค์กรต่าง ๆ คุณจะเป็นคนที่กระหายเรียนรู้เป็นอย่างมาก เป็นนักดูดซับข้อมูลตัวฉกาจ เรียกได้ว่าอะไร ๆ คุณสามารถรู้ทันเกมได้หมด สร้างศาสตร์ใหม่ ๆ ทฤษฎีใหม่ ๆ ที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวของคุณเองได้ สิ่งเหล่านี้ดีเลิศจนบางครั้งอาจทำให้คนหมั่นไส้เอาได้ แต่ช่างมันเถอะ เรื่องธรรมดาของคนมีความสามารถ อาชีพที่เหมาะสม : ครูอาจารย์ นักวิ! ชาการ นักออกแบบ มัณฑนศิลป์ สถาปนิก บรรณารักษ์ นักวิจัย นักบำบัด นักเรียกร้องเพื่อสังคม ผู้นำทางสังคมเป็นอาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 16 สไตล์การทำงาน : ทุกเหตุการณ์ ทุกสถานการณ์ ไม ่มีอะไรเล็ดลอดสายตาคุณไปได้ เพราะการทำงานของคุณจะเป็นไปในลักษณะพุ่งไปสู่เป้าหมายอย่างรวดเร็วที่สุด ความอ้อมค้อมเป็นสิ่งที่คุณไม่ถนัดเป็นอย่างยิ่ง เวลาคุณทำอะไร คุณจะใช้ความตรงไปตรงมา บวกกับการวางแผนอย่างรัดกุม ทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณคิด เรียกได้ว่าเกือบจะ 100 เปอร์เซ็นต์ทีเดียว ดังนั้นโลกนี้ยังจะมีอะไรสามารถหลอกลวงคุณได้อีก อาชีพที่เหมาะสม : นักประพันธ์เอก วิศวกร นักกฎหมาย นักวิจัย นักสืบ อาชีพที่ต้องใช้ประสาทสัมผัสพิเศษ คืออาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 17 สไตล์การทำงาน : ด้วยความสามารถข้างต้น ถามว่าอะไรในการทำงานเป็นสิ่งที่คุณถนัดที่สุด ผมตอบได้เลยว่าคือเ! รื่องของการเมืองในบริษัท ถึงแม้คุณจะไม่ค่อยชอบมันเท่าไหร่ เพราะคุณเป็นค! นที่มีความเคารพในตัวเองสูงมาก แต่คุณก็ทำมันได้ดีในระดับที่ไม่ธรรมดา แต่ถ้าไม่ชอบ ไม่เป็นไร งานอีกอย่างของคนที่เกิดวันนี้ถนัด นั่น คือ เป็นนักประสาน ประสานงานทุกอย่างไม่ว่าจะทางด้านความค ิดเห็น หรือเชิงปฏิบัติ คุณทำได้ดีมาก ใครมีความขัดแย้งอะไรขอให้เรี ยกหาคุณได้เลย อาชีพที่เหมาะสม : นักแสดงเจ้าบทบาท นักการเมือง ทนาย นักเอนเตอร์เทน นักบริหาร นักการเงิน การธนาคาร ผู้นำทางศาสนา นายหน้า นักเล่นหุ้นมือฉกาจ ที่ปรึกษาด้านสุขภาพหรือความงาม คืออาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 18 สไตล์การทำงาน : คุณเป็นคนที่ชอบการเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตนเอง มากกว่าการรอใครมาสั่งมาสอน ถึงแม้กระนั้นก็แปลกที่ว่าคุณก็สามารถรู้สิ่ง ๆ นั้นได้อย่างดีและรวดเร็วเสียด้วย ดังนั้นงานอะไรก็ตามคุณไม่เคยหวั่น เรียกได้ว่า เป็นนักสู้งานตัวยงเลยทีเดียว นอกจากนี้ไม่ว่าบริษัทหรือการงานของคุณจะประสบปัญหาหรือวิกฤตเป็นเช่นไร ขอให้องค์กรนั้น บริษัทนั้น แต่งตั้งให้คุณเป็นคนที่สามารถจัดการ! หรือนำผู้คนฟันฝ่าไปจากวิกฤตจะดีที่สุด เพราะคุณเกิดมาเพื่อเป็นนักจัดการกับวิกฤต หรือจัดการปัญหาต่าง ๆ ที่ซับซ้อนและใหญ่ ๆ ในเหตุการณ์เฉพาะ ๆ เท่านั้น โอ … น่าดีใจ ยิ่งบ้านเมืองตอนนี้อยู่ในยามยาก คนอย่างคุณเป็นที่ต้องการมาก อาชีพที่เหมาะสม : การจัด การ นักกฎหมาย อัยการศาล นักปรัชญา ผู้นำทางความคิดหรือทฤ ษฎีใหม่ ๆ นักเล่าเรื่องหรือปรากฏการณ์ บรรณาธิการ นักสื่อสารมวลชนหัวก้าวหน้า นักกีฬา นักกรีฑา คืออาชีพที่เหมาะกับคุณ
ท่านที่เกิดวันที่ 19 สไตล์การทำงาน : ทุกอย่างจะสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจ เพราะคุณเป็นคนที่ชอบให้ความร่วมมือกับคนอื่นได้ในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ใช้ลงทุน ลงแรง ขอให้บอกคุณได้ คุณไม่เคยขัดสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้ในที่ทำงานหรือชีวิตประจำวันของคุณ มักจะไม่ค่อยมีศัตรูหรือถ้ามีก็น้อยมาก อาชีพที่เหมาะสม :ผู้กำกับฯ นักดนตรี นักเขียน ที่ปรึกษา ผู้กำกับศิ! ลป์ แดนเซอร์ นักออกแบบท่าเต้น นักเคมี เภสัชกร นักพัฒนาพื้นที่หรือองค์กร! คืออาชีพที่เหมาะสม ท่านที่เกิดวันที่ 20 สไตล์การทำงาน : ถ้าเล่นกีฬา คุณมักจะเป็น แมนออฟเดอะแมทช์ ถ้าเล่นการเมือง คุณมักจ ะเป็น ส.ส. แบบพลิกล็อกนั้นเป็นเพราะคุณเป็นคนสามารถฉกฉวยโอกาสจากช่องว่างต่าง ๆ ได้ยอดเยี่ยม ฟอร์มในเรื่องต่าง ๆ ของคุณอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่พอช่วงเขาจะตัดสินกันหรือช่วงจังหวะสั้น ๆ ที่ใช้ตัดสินความเป็นความตาย คุณมักจะหยิบชั้นปลามันได้เสมอ เป็นวีรบุรุษได้เสมอ โอ … น่าเลื่อมใส อาชีพที่เหมาะสม : งานทุกอย่างที่ต้องทำกันเป็นทีม ที่ปรึกษาสุขภาพ ที่ปรึกษาทางด้านบุคลิกภาพ ครูบาอาจารย์ นักการทูต นักบริหาร นักจิตวิทยาเกลี้ยกล่อมให้โจรกลับใจ คืออาชีพที่เหมาะกับคุณ
ท่านที่เกิดวันที่ 21 สไตล์การทำงาน : ผู้ใหญ่จะรักคุณมากเป็นพิเศษ คุณมักจะทำงาน หรือเลือกงานที่คุณได้ใช้ความคิด ใช้จินตนาการอย่างเต็มที่ และที่สำคัญงานทุกชิ้นคุณจะทำมันออกมาจากใจจริง ๆ ดั! งนั้นไม่ว่างานอะไร หรือแม้กระทั่งงานช่าง งานเทคนิค ก็มักจะมีความงดงามเชิงศิลปะเข้าไปสอดแทรกอยู่ตลอด นับเป็นศิลปินด้วยจิตวิญญาณโดยแท้ อาชีพที่เหมาะสม : ทุกอย่างในวงการบันเทิง อย่างเช่น ดารา นักร้อง นางแบบ น ักสื่อสารมวลชน นักสร้างบุคลิก ผู้จัดการดารา วงการโฆษณา นักเขียน นักประชาสัมพันธ์ ไกด์นำเที่ยว หรือทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ อย่างเช่น นักออกแบบบุคลิก นักวาดรูป นักออกแบบ นักประพันธ์ จะเหมาะกับคุณเหลือเกิน
ท่านที่เกิดวันที่ 22 สไตล์การทำงาน : เรื่องหัวเซ็งลี้ ต้องยกให้คุณ ที่ไหนมีกลิ่นของชื่อเสียง เงินทอง ความสำเร็จ คุณสามารถรู้ทันได้หมด และฉกฉวยมาได้ก่อนใครเสมอ นั่นไม่ได้แปลว่าคุณเป็นคนโลภนะ แต่หมายถึง คุณไม่อยากเสียเวลาไปทำในสิ่งอื่น ๆ ที่ไม่ได้สร้างความสำเร็จให้คุณ หรือพูดง่าย ๆ คุณเป็นคนที่กระหายความสำเร็จมาก อาชีพที่เหมาะสม :สถาปนิก ครูบาอาจารย์ นักบริหาร ที่ปรึ! กษาทางธุรกิจ ทนายมือหนึ่ง อัยการมือยอด นักการเงิน นักกีฬามือเซียน คืออาชีพที่เหมาะสมกิน
ท่านที่เกิดวันที่ 23 สไตล์การทำงาน : อาจจะเป็นเพราะความเมตตาที่คุณมี รวมกับผลบุญที่ได้สร้างสมมา ทำให้คุณมีความสามารถพิเศษ คือค ุณสามารถรู้ได้ว่าคนไหนจะดีกับคุณ คนไหนเป็นคนที่ช่วยเหลือคุณได้ และเป็นที่น่าแปลกว่า เรื่องบริวารของคุณจะมีปัญหาน้อยมากถ้าเทียบกับคนเกิดวันอื่น ๆ อาชีพที่เหมาะสม : นักสังคมสงเคราะห์ นักอนุรักษ์ธรรมชาติ นักเขียน ศิลปิน นักผลิตรายการโทรทัศน์ นักดนตรี คืออาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 24 สไตล์การทำงาน : คุณเป็นคนที่ทำทุกอย่างด้วยหัวใจ ฉะนั้นอะไรก็ตาม ถ้าคุณลองได้เชื่อแล้ว คุณทุ่มเทหมดทั้งกำลังกายและกำลังใจทีเดียว การทำงานของคุณแม้ไม่รวดเร็ว ฉับไว แต่ผลลัพธ์ที่ได้มักมากกว่าที่จุดประสงค์ตั้งไว้ทีแรกเสมอ ๆ เรียกได้ว่าทำงานเกินเงินเดือน ! อาชีพที่เหมาะสม : นักเ ขียน ปรมาจารย์ด้านใดด้ านหนึ่ง นักดนตรี นักตกแต่งภายใน นักออกแบบ นักประพันธ์ นักสังคมสงเคราะห์ พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ผู้นำทางด้านศาสนา คืออาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 25 สไตล์การทำงาน : คนประเภทที่ว่า มี ไฟทำงานลุกโชติช่วงตลอดอย่างคุณ ถ้าจะทำงานก็ต้องเป็นงานประเภทเพิ่งจะบุกเบิกเริ่มต้น หรืองานประเภทที่ต้องใช้ความพยายาม ใช้ความสามารถอย่างสูงในการวางแผน หรือคิดค้นอะไรใหม่ ๆ เพราะนอกจากไฟอันร้อนแรงในตัวคุณแล้ว คุณยังเป็นคนที่มากความสามารถ อาชีพที่เหมาะสม : นักบัญชี นักการเงิน นักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ นักเขียน นักวาดรูป ศิลปิน นักแสดงล้อเลียนต่าง ๆ คืออาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 26 สไตล์การทำงาน : คนที่เกิดวันนี้มีเซ้นส์พิเศษอย่างหนึ่ง นั่นคือสามารถจับผิดหรือรู้ส! ึกถึงความผิดปกติต่าง ๆ ได้เร็วกว่าคนอื่นเสมอ สามารถรู้ได้ว่าอะไรถูกต้อง! หรืออะไรคือเส้นทางที่ควรจะไปได้เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ได้เร็ว สิ่งเหล่านี้คุณจะรู้ได้ก่อนใครเสมอ ๆ ดังนั้นการทำงานของคุณจะเป็นประเภทครบเครื่องและฉายเดี่ยว คุณชอบทำทุกอย่างตั้งแต่วางแผนยันลงมือทำเองหมด ใจค อจะไม่แบ่งงานให้คนอื่นบ้างเลยหรือ!!! อาชีพที่เหมาะสม : ครูบาอาจารย์ นักเจรจา นักไกล่เก ลี่ย นักสืบ นักตกแต่ง นักจัดงานทางการตลาด นักตัดต่อเสียง นักตัดต่อภาพยนตร์ ซาวด์เอนจิเนียร์ คืออาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 27 สไตล์การทำงาน : เรื่องประสบความสำเร็จเป็นเรื่องที่คุ้นเคยและชินชามาก นั่นเป็นเพราะว่าเวลาคุณทำอะไร คุณจะคิดอย่างรอบคอบ คือคิดแล้วคิดอีกจนมั่นใจจึงทำ และเวลาทำเรื่องล้มเลิกเห็นจะไม่มี ฉะนั้นจึงทำให้คุณเป็นคนที่รักงานมาก ๆ เวลาเห็นใครทำอะไรชุ่ย ๆ กับงาน คุณจะอึดอัดใจเป็นอันมาก จริงไหมตัวเอง!!! อาชีพที่เหมาะสม : นักอบรม นักจัดงานสัมมนา นักบริหาร นักแสดง นักดนตรี ศิลปิน นักวา! ดรูป วาทยกร คืออาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 28 สไตล์การทำงาน : งานยาก ๆ เป็นของหวานอย่างหนึ่งของคุณ อะไร ๆ ที่คนอื่นว่ายาก ขอให้บอก ความสามารถพิเศษของคุณคือ การอ่านสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำและถูกต้องลึกซึ้ง อาชีพที่เหมาะสม : ศิลปิน นักแสดง นักออกแบบเสื้อผ้า งานทุกชนิดที่ต้องเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ นักพัฒนาพื้นที่ นักพัฒนาองค์กร หรืองานทุกอย่างที่ต ้องการการปฏิวัติหรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบใหม่ คืออาชีพที่เหมาะสม
ท่านที่เ กิดวันที่ 29 สไตล์การทำงาน : คุณเป็นคนที่มีความหลากหลายในตัวสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิทยาศาสตร์ ศิลปศาสตร์ สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ โอ๊ย แม้กระทั่งไสยศาสตร์ คุณมักมีความรู้หรือมีประสบการณ์ในเรื่องต่าง ๆ มาแล้วทั้งนั้น ประมาณว่าพหูสูตร นอกจากนี้เวลาคุณทำงาน คุณมักจะชอบทำงานทีละหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน จนบางทีทำให้สับสนบ้าง อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของ! คุณ คือคุณสามารถทำงานที่ต้องใช้ทักษะหลาย ๆ อย่างพร้อมกันได้ดี อย่างเช่น! ประเภทพวกคอมพิวเตอร์กราฟิก หรือออกแบบบัญชีบนคอมพิวเตอร์ อะไรทำนองนั้น อาชีพที่เหมาะสม : นักเขียน คอลัมนิสต์ บรรณาธิการนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์ นักแต่งเพลง ลีดเดอร์ นักแสดงบนเวที นักมายากล นักกรีฑา หมอ ศัลยแพทย์ นักการเงิน นักธนาคาร นักสังคมสงเ คราะห์ เรียกได้ว่าทำได้แทบทุกอาชีพ
ท่านที่เกิดวันที่ 30 สไตล์การทำงาน : คุณมักจะสามารถทำงานที่ต้องใช้ความอดทน ความเข้าใจคนอื่น ความรู้จักยืดหยุ่นได้ดีเสมอ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้คุณจะเป็นคนที่มีจิตวิทยาสูง เข้าใจคนอื่นได้ดี แต่คุณมักจะไ ม่ค่อยเข้าใจในชีวิตความต้องการ ความรู้สึกที่อยู่ลึก ๆ ข้างในตัวคุณเองสักเท่าไหร่ นั่นจึงทำให้ในช่ วงแรก ๆ ของชีวิตคุณมักจะเลือกเรียน หรือทำงานในสิ่งที่ไม่ใช่คุณอยู่เสมอ ๆ อาชีพที่เหมาะสม : นักเขียน นักแสดง นักตกแต่งสวน นักประชาสัมพันธ์ หมอนวด แอร์โฮสเตส พนักงานต้อนรับ งานทุกอย่างที่ต้องใช้การสื่อสารและงานบริการ คืออาชีพที่เห! มาะสม
ท่านที่เกิดวันที่ 31สไตล์การทำงาน : คุณเป็นคนที่ตัดสินใจแล้วต้องทำให้ได้ ใครอย่ามาแย้งฉันนะ ไม่งั้นเดี๋ยวหัวขาด อาชีพที่เหมาะสม : นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นักระดมทุน นักกายภาพบำบัด นักกฎหมาย ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ แฮกเกอร์ นักกวนเมือง นักสื่อสารมวลชน นักข ่าว โปรแกรมเมอร์ 'งานที่ต้องเกี่ยวข้องกับการบันเทิง เป็นอาชีพที่เหมาะสม
ไปรษณีย์ไทย
ขอแนะนำบริการใหม่ล่าสุดของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด "อร่อยทั่วไทย สั่งได้ที่ไปรษณีย์" เห็นแล้วอยากรับประทานก็โทรสั่งได้ที่เบอร์ 1545 หรือ 02 982 8222 นะคะ ไปรษณีย์ไทยส่งความอร่อยถึงบ้านหรือที่ทำงานก็ส่งได้ค่ะ รักใครชอบใคร อยากให้ได้ชิมของอร่อย สด ดี ก็ฝากส่งข่าวต่อด้วยนะคะ
Hold My Hand
Hold My Hand
'Here is a short story with a beautiful message... นี่คื่อเรื่องสั้นที่ส่งพร้อมกับข้อความที่สวยงาม Little girl and her father were crossing a bridge. มีพ่อลูกคู่นึงกำลังจะข้ามสะพาน
The father was kind of scared so he asked his little daughter, คุณพ่อค่อนข้างกลัวเล็กๆ เลยบอกลูกสาวตัวน้อยของเขาว่า
'Sweetheart, please hold my hand so that you don't fall into the river.' ลูกรักจ๊ะ จับมือพ่อไว้สิ หนูจะได้ไม่ตกลงไปในแม่น้ำ
The little girl said, 'No, Dad. You hold my hand.' เด็กน้อยกล่าวว่า 'ไม่ค่ะพ่อ พ่อหน่ะแหละจับมือหนู'
'What's the difference?' Asked the puzzled father. .'มันต่างกันยังไงจ๊ะลูก' พ่อถามด้วยความสงสัย
'There's a big difference,' replied the little girl. 'มันต่างกันมากเลยค่ะพ่อ' เด็กน้อยกล่าว
'If I hold your hand and something happens to me, 'ถ้าหนูจับมือพ่อ แล้วมีอะไรเกิดขึ้นกับหนู,
chances are that I may let your hand go. มันมีโอกาสที่หนูจะปล่อยมือพ่อ
But if you hold my hand, I know for sure that no matter what happens, แต่ถ้าพ่อจับมือหนู หนูรู้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
you will never let my hand go.' พ่อไม่มีวันปล่อยมือหนูแน่นอน'
In any relationship, the essence of trust is not in its bind, but in its bond. ในทุกความสัมพันธ์ สิ่งสำคัญของความเชื่อมั่น ไว้ใจ ไม่ใช่อยู่ที่สาระของมัน แต่เป็นความรู้สึกกับมัน
So hold the hand of the person who loves you rather than expecting them to hold yours... เพราะฉะนั้น จงจับมือคนที่รักคุณ ดีกว่าที่จะหวังไว้เค้าจับมือคุณ
This message is too short......but carries a lot of Feelings. ข้อความนี้สั้นเกินไป แต่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกมากมาย
'Here is a short story with a beautiful message... นี่คื่อเรื่องสั้นที่ส่งพร้อมกับข้อความที่สวยงาม Little girl and her father were crossing a bridge. มีพ่อลูกคู่นึงกำลังจะข้ามสะพาน
The father was kind of scared so he asked his little daughter, คุณพ่อค่อนข้างกลัวเล็กๆ เลยบอกลูกสาวตัวน้อยของเขาว่า
'Sweetheart, please hold my hand so that you don't fall into the river.' ลูกรักจ๊ะ จับมือพ่อไว้สิ หนูจะได้ไม่ตกลงไปในแม่น้ำ
The little girl said, 'No, Dad. You hold my hand.' เด็กน้อยกล่าวว่า 'ไม่ค่ะพ่อ พ่อหน่ะแหละจับมือหนู'
'What's the difference?' Asked the puzzled father. .'มันต่างกันยังไงจ๊ะลูก' พ่อถามด้วยความสงสัย
'There's a big difference,' replied the little girl. 'มันต่างกันมากเลยค่ะพ่อ' เด็กน้อยกล่าว
'If I hold your hand and something happens to me, 'ถ้าหนูจับมือพ่อ แล้วมีอะไรเกิดขึ้นกับหนู,
chances are that I may let your hand go. มันมีโอกาสที่หนูจะปล่อยมือพ่อ
But if you hold my hand, I know for sure that no matter what happens, แต่ถ้าพ่อจับมือหนู หนูรู้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
you will never let my hand go.' พ่อไม่มีวันปล่อยมือหนูแน่นอน'
In any relationship, the essence of trust is not in its bind, but in its bond. ในทุกความสัมพันธ์ สิ่งสำคัญของความเชื่อมั่น ไว้ใจ ไม่ใช่อยู่ที่สาระของมัน แต่เป็นความรู้สึกกับมัน
So hold the hand of the person who loves you rather than expecting them to hold yours... เพราะฉะนั้น จงจับมือคนที่รักคุณ ดีกว่าที่จะหวังไว้เค้าจับมือคุณ
This message is too short......but carries a lot of Feelings. ข้อความนี้สั้นเกินไป แต่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกมากมาย
Friday, September 5, 2008
ไม่ต้องรอให้ถึงวันแม่แล้วค่อยอ่าน
ก่อนถึง "วันแม่" มาอ่านเรื่องนี้ก่อนเถอะค่ะ ... > คุณจะรู้สึกว่าไม่เสียเวลาที่อ่านเลย> > หลังจากที่แต่งงานมาได้ 21 ปี> ผมก็ค้นพบวิธีใหม่ในการทำให้ความรักสดใสมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ> เพราะวันหนึ่งภรรยาผมบอกว่า ผมต้อง " ออกเดท" กับผู้หญิงคนหนึ่ง> มันเป็นไอเดียของเธอล้วนๆจริงๆ นะ> > " ฉันรู้ว่าคุณรักเธอ " ภรรยาผมว่า> " แต่ผมรักคุณนี่ " ผม เถียง> " ฉันรู้ค่ะ แต่คุณก็รักเธอคนนี้ ด้วยเหมือนกัน "> > ผู้หญิงคนนั้นที่ภรรยาอยากให้ผมไปหา คือ แม่ของผมเอง ซึ่งเป็นหม้ายมา 19 ปี > แล้ว> > เนื่องจากงานที่รัดตัวและต้องดูแล ลูกๆ> ทำให้ผมไปเยี่ยมแม่เพียงบางครั้งบางคราวเท่านั้น> วันที่ผมโทรไปหาแม่เพื่อชวนท่านออกไปทานข้าวเย็นและดูหนัง> แม่ถามว่า " มีอะไรหรือ ? ลูกสบายดีรึ เปล่า ? "> แม่ผมเป็นผู้หญิงประเภทที่คิด ว่าการที่คนโโทรมาหากลางดึก หรือเชิญอย่างกระทัน > หัน หมายความว่ามีเรื่องไม่ค่อยดีเกิดขึ้น> ผมตอบแม่ว่า " ผมว่าดีออกถ้าเราได้ใช้เวลากันตามลำพัง สองคนแม่ลูกบ้าง "> แม่นิ่งคิดไปครู่ หนึ่ง แล้วตอบว่า " แม่ยินดีมากเลย จ้ะ "> > เย็นวันศุกร์หลังเลิกงาน ผมขับรถ ไปรับแม่ที่บ้าน> ผมรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เมื่อผมไปถึงบ้านแม่ผมก็สังเกตได้ว่า > แม่เองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน> > แม่สวมเสื้อโค้ทนั่งรอผมอยู่ในบ้านเรียบร้อย แล้ว> แม่ม้วนผมแล้วสวมชุดที่แม่ใส่ในวันฉลองครบรอบการแต่งงานครั้งสุดท้าย> พลางยิ้มรับผมด้วยใบหน้าที่แจ่มใสราวกับทูตสวรรค์> " แม่บอกเพื่อนๆ ว่าแม่จะออกไปเที่ยวกับลูกชายพวกเขาประทับใจกัน ใหญ่> " แม่พูดขณะที่กำลังก้าวขึ้นรถ พวกเขารอฟัแทบไม่ไหวเลย "> เราไปภัตตาคารที่ถึงแม้จะไม่หรูหรา แต่ก็ดีเยี่ยมและบรรยากาศก็อบอุ่นสบายๆ มากๆ> แม่ควงแขนผมเดินราวกับว่าเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง> หลังจากที่เรานั่งลงเรียบร้อยแล้ว ผมต้องเป็นฝ่ายอ่านเมนูอาหาร เพราะสายตา > ของแม่อ่านได้เพียงตัวหนังสือตัวใหญ่ๆเท่านั้น> เมื่อผมอ่าน เมนูอองเทรไปได้เพียงครึ่ง ผมเงยขึ้นมอง > เห็นแม่กำลังมองดูผมอยู่ด้วยรอยยิ้มระลึกถึงความหลัง> " ตอนที่ลูกยังเล็กนั้น แม่ต้องเป็นคน อ่าน เมนูให้ลูกฟัง " แม่ว่า> " งั้นตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่ผมจะผลัดเวรให้แม่นั่งฟัง สบายๆบ้าง " ผมตอบ> > ในระหว่างมื้ออาหารนั้น เราคุยกันอย่างถูกคอ-ไม่ใช่เรื่องราวพิเศษอะไร-เพียง > แต่สลับกันถามว่าชีวิตของเราเป็นยังไง ทำอะไรที่ไหนมาบ้าง> เราคุยกันสนุกมากจนไปดูหนังไม่ทัน> เมื่อผมไปส่งแม่ที่บ้าน แม่พูดว่า " แล้วแม่จะออกไปเที่ยวกับลูก.กนะ > แต่คราวนี้ลูกต้องยอม ให้แม่เป็นเจ้าภาพนะจ๊ะ"> ผมตอบตกลง> > " ดินเน่อร์เป็นยังไงบ้าง ?" ภรรยาถามเมื่อผมกลับถึงบ้าน> " ดีเยี่ยมกว่าที่ผมคิดไว้มากเลย " ผมตอบ> > ไม่กี่วันต่อมา แม่ผมเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน > มันเกิดขึ้นกระทันหันมากจนผมช่วยอะไรไม่ทันเลย> > หลายวันต่อมา> ผมได้รับจดหมายพร้อมใบเสร็จจากภัตตาคารที่ผมกับแม่เคยไป มีโน๊ตเล็กๆ > แนบมาด้วยว่า> " แม่จ่ายค่าอาหารชุดนี้เรียบร้อยแล้ว แม่รู้อยู่แล้วว่าแม่คงไปไม่ได้ > แต่อย่างไรก็ตาม แม่ก็จ่ายสำหรับสองคน คือ ลูกกับภรรยา > ลูกคงเดาไม่ถูกหรอกว่าวันนั้นมีความหมายต่อ แม่มากแค่ไหน ,> รักลูก จ้ะ "> > วินาทีนั้นผมเข้าใจถึงความสำคัญของ.....> > การกล่าวคำว่า " รัก " ต่อคนที่เรารัก ในช่วงเวลาที่ท่านต้องการมัน > ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าครอบครัวของคุณ > จงให้เวลากับพวกเค้าในเวลาที่พวกท่านต้องการคุณ เพราะสิ่งเหล่านี้ > ไม่อาจผลัดวัน ประกันพรุ่งได้> > > > > --------------------------------------------------------------------------------> > บางคนบอกว่า......หลังจากที่คุณคลอดบุตรแล้วต้องใช้เวลาราว 6 > สัปดาห์จึงจะคืนสู่สภาพ เดิม> คนนั้นไม่รู้ว่าหลังจากที่คุณได้เป็นแม่คนแล้ว> ไม่มีคำว่าคนเดิมอีกต่อ ไป> > บางคนบอกว่า..... คนเราเรียนรู้การเป็นแม่ได้เองตามสัญชาติญาณ> คนนั้นไม่เคยพาลูกสามขวบไปซูเปอร์มาร์เกต> > บางคนบอกว่า... การเป็นแม่คนนั้นน่าเบื่อ> คนนั้นไม่เคยนั่งรถที่ลูกวัยรุ่นขับหลังจากที่ได้ใบขับขี่มาหมาดๆ> > บางคนบอกว่า..... ถ้าคุณเป็นคนดี ลูกออกมาก็จะดีเอง> คนนั้นนึกว่าเด็กคลอดออกมาพร้อมกับ คู่มือการใช้และใบรับประกัน> > บางคนบอกว่า .....แม่ที่ดีไม่ควรขึ้นเสียงกับลูก> คนนั้นไม่เคยเปิดประตูหลังบ้านออกมาทันได้เห็นลูกหวดลูกกอล์ฟเข้าใส่หน้าต่างครัวของเพื่อนบ้านพอดิบพอดี> > บางคนบอกว่า.... การเป็นแม่คนนั้นไม่ต้องมีการศึกษาก็ได้> คนนั้นไม่เคยช่วยลูกประถม 4 ทำการบ้านเลข> > บางคนบอกว่า..... แม่รักลูกคนที่ 5 ไม่เท่าลูกคนแรก> คนนั้นไม่เคยมีลูก 5 คน> > บางคนบอกว่า.... ช่วงที่ยากที่สุดของการเป็นแม่คือ ตอนเลี้ยงและตอนคลอด> คนนั้นไม่เคยยืนดูลูกขึ้น รถเมล์ไปโรงเรียนอนุบาลวันแรก > หรือขึ้นเครื่องบินไปบู๊ทแคมป์ของทหาร> > บางคนบอกว่า... งานของแม่นั้น หมูๆ ปิดตาสองข้าง > หรือมัดมือไว้ข้างหนึ่งก็ยังได้> คนนั้นไม่เคยสอนการออกเดินขายคุกกี้ให้กับเหล่ายุวนารี 7 คน > ที่กระจุ๊กกระจิ๊กคิกคักกันอยู่ตลอด เวลา> > บางคนบอกว่า.... แม่เลิกกังวลได้แล้ว หลังจากที่ลูกแต่งงานออกเรือนไป> คนนั้นไม่รู้ว่าการแต่งงานคือก ารนำลูกชายหรือลูกสาวคนใหม่ > เข้ามาอยู่ในสายใยใจของแม่> > บางคนบอกว่า...งานของแม่สิ้นสุดลงเมื่อลูกคนสุดท้ายออกจากบ้านไป> คนนั้นไม่เคยมีหลานยาย หรือ หลานย่า> > บางคนบอกว่า.... แม่รู้ดีอยู่แล้ว ว่าคุณรักท่าน เพราะงั้น ไม่ต้องบอกท่านก็ได้ > คนนั้นไม่เคยเป็นแม่คน> > -------------------------------------------------> > เป็นเมล์ที่เพื่อนส่งมาให้ค่ะ แต่อ่านแล้วกินใจ> > เวลาไม่อาจหวนกลับ................> > ทุกช่วงชีวิตน่าจดจำ................> > ถ้า....วันนี้.....คุณยังมีแม่อยู่........จงดูแลท่านเถิด........ให้ในสิ่งที่ท่านต้องการ.....ก่อนที่จะไม่มีวันดี > ๆ แบบนี้> > ด้วยความปรารถนาดี
Labels:
คนดี,
เครื่องบิน,
แม่,
ย่า,
ยาย,
ลูก,
สัญชาติญาณ,
หลาน
Subscribe to:
Posts (Atom)